ททท.รุกเจาะอินเดีย-ตะวันออกกลาง ดันเป้าทัวริสต์ 10 ล้านคน

นักท่องเที่ยวอินเดีย

ททท.รุกเจาะตลาดระยะใกล้ ทั้งอินเดีย ตะวันออกกลาง พร้อมกระตุ้นให้เกิดการเดินทางเข้าประเทศต่อเนื่องตลอดทั้งปี มั่นใจปีนี้มีนักท่องเที่ยวต่างชาติ 7-10 ล้านคน ตามเป้าหมายเดิม เตรียมอัดหนักแคมเปญโปรโมตท่องเที่ยวไทย ดึงเที่ยวซ้ำ-ขยายฐานกลุ่มเดินทางครั้งแรก เพิ่มการใช้จ่ายกลุ่มความสนใจพิเศษ เชื่อไทยเที่ยวไทยโมเมนตัมดีทะลุเป้า 160 ล้านคน-ครั้ง

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ปัจจัยเสี่ยงของภาคท่องเที่ยวไทยในครึ่งหลังของปี 2565 ยังอยู่ที่จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 และราคาน้ำมันที่มีผลกระทบต่อการเดินทางท่องเที่ยว โดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวที่เดินทางด้วยรถยนต์ แต่เชื่อว่าปัจจัยดังกล่าวอาจไม่ได้ส่งผลต่อการออกท่องเที่ยวมากนัก เนื่องจากนักท่องเที่ยวไม่ได้ออกเดินทางมานาน

โดย ททท.พยายามจะดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะตลาดระยะใกล้จากประเทศอินเดีย กลุ่มประเทศตะวันออกกลาง ส่วนประเทศจีนนั้นจำเป็นต้องรอทางการจีนผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรค ซึ่งอาจเป็นช่วงปลายปีนี้ และจะกลับมาเห็นการฟื้นตัวของตลาดจีนในช่วงตรุษจีนปีหน้า ขณะที่นักท่องเที่ยวจากกลุ่มตลาดระยะไกลอาจยังไม่เดินทางเข้าประเทศไทยมากนัก แต่เชื่อว่านักท่องเที่ยวจะกลับมาคึกคักในช่วงปลายปีนี้

ทั้งนี้ ประเมินว่าตั้งแต่ช่วงนี้ไปจนถึงเดือนกันยายน 2565 จะมีนักท่องเที่ยวเดือนละประมาณ 5 แสนคน เมื่อรวมกับช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีที่คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเดือนละ 1 ล้านคน จึงคาดว่าปีนี้จะมีจำนวนนักท่องเที่ยวรวม 7-10 ล้านคน ตามเป้าหมายเดิมที่เคยคาดการณ์ไว้

ขณะที่ธุรกิจโรงแรมคาดว่ามีอัตราการเข้าพักอยู่ที่ราว 50% เนื่องจากตัวเลขดังกล่าวจะทำให้ผู้ประกอบการสามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ เกิดการจ้างงาน และเกิดการจับจ่ายในภาคธุรกิจ นอกจากนี้ ยังตั้งเป้าจำนวนที่นั่งของสายการบินกลับมาอยู่ที่ 50% ของช่วงเวลาก่อนโควิด-19 และมีอัตราบรรทุกผู้โดยสาร อยู่ที่ 70% ของจำนวนที่นั่งทั้งหมด

นายธเนศวร์ เพชรสุวรรณ รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชียและแปซิฟิกใต้ ททท. กล่าวว่า แผนการกระตุ้นภาคการท่องเที่ยวไทยของตลาดระยะใกล้ ประกอบด้วย quick win มุ่งเป้าฟื้นคืนตลาดหลัก กระตุ้น revisit ขยายฐาน first visit และส่งเสริมการเดินทางแบบตลอดทั้งปี

quality เพิ่มจำนวนและกระตุ้นการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวกลุ่มความสนใจพิเศษ ทั้งด้าน health & wellness, wedding and honeymoon, sport tourism และ luxury

และ 5 NEWs คือการพลิกโฉม เปลี่ยนมุมมอง สร้างภาพจำด้านการท่องเที่ยวใหม่ โดยสามารถจำแนกย่อยออกเป็น 1.new segment นักท่องเที่ยวกลุ่มศักยภาพใหม่ 2.new area กลุ่มท่องเที่ยวคุณภาพ ในพื้นที่ศักยภาพใหม่ ๆ เช่น ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของอินเดีย, มองโกเลีย, เกาหลี (ปูซาน), มาเลเซีย (ซาบาร์, ยะโฮร์), ออสเตรเลีย (บริสเบน, นครแอดิเลด) และพื้นที่ศักยภาพในตลาดเดิม

3.new partner พันธมิตรใหม่ เช่น สายการบิน, องค์กรต่าง ๆ, กลุ่ม incentive โดยมีตลาดเป้าหมายคือมาเลเซีย มองโกเลีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน และฮ่องกง 4.new infrastucture โครงสร้างขั้นพื้นฐานใหม่ ๆ เช่น ท่าอากาศยานเบตง, เส้นทางมอเตอร์เวย์โคราช ฯลฯ และ 5.new way คือ กลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมจากตลาดเป้าหมายอย่างอินเดีย ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น ฮ่องกง และไต้หวัน

ทั้งนี้ ททท.พบว่า จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจากประเทศอินเดีย มาเลเซีย สิงคโปร์ และออสเตรเลีย มีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากประเทศเหล่านี้ผ่อนคลายมาตรการการเดินทางอย่างมาก ทำให้การเดินทางเข้า-ออกสะดวก รวมถึงมีเที่ยวบินพาณิชย์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ด้านนายฉัททันต์ กุญชร ณ อยุธยา รองผู้ว่าการด้านตลาดยุโรป แอฟริกา ตะวันออกกลาง และอเมริกา ททท. กล่าวว่า ททท.เตรียมเข้าร่วมงานและกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อประชาสัมพันธ์และดึงดูดนักท่องเที่ยว ผ่านกิจกรรม เช่น Proud Experience 2022 Trade Show ในวันที่ 27-29 มิถุนายน 2565 ณ นครนิวยอร์ก สหรัฐ โดยมุ่งหวังส่งเสริมการท่องเที่ยวจากกลุ่มนักท่องเที่ยว LGBTQ+ งาน WTM London 2022 วันที่ 7-9 พฤศจิกายน 2565 ณ กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร เพื่อส่งเสริมนักท่องเที่ยวกลุ่มพักผ่อน

ด้านตลาดภายในประเทศนั้น นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ ททท. กล่าวว่า ตลาดนักท่องเที่ยวภายในประเทศยังเป็นเครื่องยนต์สำคัญในการขับเคลื่อนภาคการท่องเที่ยว และการเปิดประเทศส่งผลให้นักเดินทางออกท่องเที่ยวมากขึ้น

โดยในช่วงวันหยุดยาว หรือวันหยุดนักขัตฤกษ์ที่ผ่านมา เห็นจำนวนของนักท่องเที่ยวออกเดินทางเพิ่มขึ้น สำหรับไตรมาสที่ 1/2565 ข้อมูลระบุว่า เที่ยวบินในประเทศมีจำนวนราว 87,300 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 26.8% อัตราการเข้าพักแรมอยู่ที่ 57.6% มีนักท่องเที่ยวชาวไทยออกเดินทาง 47,404,611 ล้านคน-ครั้ง เพิ่มขึ้น 77.84%


จำนวนการออกเดินทางของชาวไทยดังกล่าวยังห่างจากเป้าที่ตั้งไว้ ซึ่งเกิดจากการระบาดของเชื้อไวรัสสายพันธุ์โอมิครอนในช่วงต้นปี ทั้งนี้ เชื่อว่าภาคการท่องเที่ยวในประเทศยังมีสัญญาณบวก และหากสามารถรักษาโมเมนตัมของการท่องเที่ยวในประเทศไว้ได้ นักท่องเที่ยวชาวไทยทั้งปีอาจถึงเป้าที่วางไว้ที่ 160 ล้านคน-ครั้ง