แกรนด์ แอสเสท ชี้โรงแรมส่งสัญญาณฟื้นตัว อัตราเข้าพักพุ่ง คาดปีนี้เติบโต 207%

แกรนด์ แอสเสท

“แกรนด์ แอสเสทฯ” เผยธุรกิจโรงแรมส่งสัญญาณฟื้นตัวชัดเจน อัตราเข้าพักพุ่งทั้งพื้นที่กรุงเทพฯ-ต่างจังหวัด ร้านอาหาร จัดเลี้ยง กรุ๊ปทัวร์ต่างชาติ คึกคัก คาดการณ์รายได้โรงแรมปีนี้เติบโตถึง 207% เตรียมเปิดตัวโครงการวิลล่าริมชายหาดแหลมแม่พิมพ์ ในรูปแบบใหม่ภายใต้แนวคิดเวลเนส เรสซิเดนซ์

วันที่ 15 มิถุนายน 2565 นายวิทวัส วิภากุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แกรนด์ แอสเสท โฮเทลส์ แอนด์ พรอพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจโรงแรมของบริษัทเริ่มมีการฟื้นตัวอย่างชัดเจน หลังการระบาดของโควิด-19 ลดลงต่อเนื่อง และนโยบายเปิดประเทศที่มีผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศไทย 5 เดือนแรกของปี มีจำนวน 1,336,068 คน เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2564 ที่มีจำนวน 34,753 คน

วิทวัส วิภากุล
วิทวัส วิภากุล

โดยเดือนพฤษภาคม 2565 ซึ่งรัฐบาลเริ่มผ่อนคลายมาตรการเดินทางเข้าประเทศ มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาถึง 532,177 คน ถือเป็นสัญญาณที่ดีต่อการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวและธุรกิจโรงแรม

“ธุรกิจโรงแรมของบริษัทปรับตัวดีขึ้นอย่างมาก คาดการณ์รายได้โรงแรมปี 2565 จะเติบโตขึ้นจากปีก่อนถึง 207% โดยมีอัตราการเข้าพักเพิ่มสูงขึ้นแบบก้าวกระโดด และคาดว่าอัตราเข้าพักของปีนี้จะอยู่ในระดับ 60% เทียบกับปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 15.7%” นายวิทวัสกล่าว

และว่า สำหรับบริษัทแกรนด์ แอสเสทฯ มีโรงแรมในกรุงเทพฯ จำนวน 3 แห่ง ตั้งอยู่ในทำเลที่เป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญสำหรับนักท่องเที่ยวและนักธุรกิจ ทำให้อัตราเข้าพักเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉลี่ย 5 เดือนแรกของปีนี้อยู่ที่ 45% นอกจากนี้ ส่วนของห้องอาหาร งานประชุม สัมมนา งานแต่งงาน จัดเลี้ยง รวมถึงนักท่องเที่ยวต่างชาติแบบกรุ๊ปทัวร์ ยังกลับมาคึกคักด้วย

ขณะที่โรงแรมในต่างจังหวัดทั้งหัวหินและปราณบุรี ยังได้รับความนิยมจากคนไทยที่ท่องเที่ยวในประเทศอย่างต่อเนื่อง มีอัตราเข้าพักเฉลี่ย 5 เดือนแรกของปีอยู่ที่ 53% ในครึ่งปีหลังเชื่อมั่นว่าจะเพิ่มขึ้นอีก ทั้งจากนักท่องเที่ยวไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเติม

นายวิทวัสกล่าวด้วยว่า ปีนี้แกรนด์ แอสเสทฯ ตั้งเป้ารายได้เติบโตแบบก้าวกระโดดที่ 5,600 ล้านบาท โดยเป็นรายได้จากธุรกิจโรงแรม 1,800 ล้านบาท ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 1,000 ล้านบาท และโครงการร่วมทุน 2,800 ล้านบาท โดยในเดือนกรกฎาคมนี้ บริษัทจะเริ่มดำเนินการโอนกรรมสิทธิ์ “ไฮด์ เฮอริเทจ ทองหล่อ” โครงการคอนโดมิเนียมร่วมทุนกับ ซูมิโตโม ฟอเรสทรี ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งมียอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) ประมาณ 2,500 ล้านบาท และหลังจากการเปิดประเทศ ยังคาดว่าจะมียอดขายเพิ่มขึ้นจากกลุ่มลูกค้าต่างชาติที่จะเริ่มกลับเข้ามาอีกด้วย

นอกจากนี้ ในไตรมาส 3 บริษัทยังจะเปิดตัวโครงการใหม่ “อมาธารา เรสซิเดนซ์ ระยอง” บนแหลมแม่พิมพ์ จังหวัดระยอง พื้นที่ 37 ไร่ มูลค่าโครงการ 2,656 ล้านบาท เป็นวิลล่าหรูบนเนินเขา พร้อมสระว่ายน้ำส่วนตัวทุกหลัง จำนวน 61 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 33 ล้านบาท ภายใต้แนวคิดเวลเนส เรสซิเดนซ์ ที่ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่ให้ความสำคัญกับการพักผ่อนทั้งร่างกายและจิตใจ

“ที่ผ่านมาอุปสงค์วิลล่าตากอากาศเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน เมื่อคนไทยนิยมซื้อบ้านหลังที่สองในทำเลที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวพักผ่อนกันมากขึ้น บวกกับผลของโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ที่จะทำให้ผู้ประกอบธุรกิจขยายกิจการกันเข้ามามากขึ้น ส่งผลให้ภูมิภาคนี้มีแนวโน้มการเติบโตที่ดี ด้านธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายถุงมือยาง ปัจจุบันก่อสร้างโรงงานแล้วเสร็จ 1 อาคาร มี 8 สายการผลิต ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จครบทั้ง 8 สายการผลิตภายในปีนี้” นายวิทวัสกล่าว