ยูเครนสร้างฐานทัพในพื้นที่ที่อยู่อาศัย ประชาชนตกอยู่ในอันตราย แอมเนสตี้ชี้

ยูเครนสร้างฐานทัพในพื้นที่ที่อยู่อาศัย ประชาชนตกอยู่ในอันตราย แอมเนสตี้ชี้
REUTERS/Nacho Doce

แอมเนสตี้ชี้ ยูเครนสร้างฐานทัพในพื้นที่ที่อยู่อาศัย ทำให้ประชาชนตกอยู่ในอันตราย รัฐบาลยูเครนโต้ มองข้ามความเป็นจริงในช่วงสงคราม

วันที่ 5 สิงหาคม 2565 เดอะการ์เดี้ยนรายงานว่า แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ระบุว่า กองทัพยูเครนกำลังทำให้ชีวิตพลเรือนตกอยู่ในอันตราย ด้วยการสร้างฐานทัพในพื้นที่ที่อยู่อาศัย ขณะที่ตัวแทนรัฐบาลยูเครนได้ออกมาโต้

นักวิจัยของแอมเนสตี้ฯพบว่า กองกำลังของยูเครนกำลังใช้โรงเรียนและโรงพยาบาลบางแห่งเป็นฐานทัพ และมีการยิงใกล้บ้านเรือน บางครั้งยังมีการใช้สถานที่ตามอาคารที่พักอาศัยอีกด้วย

รายงานดังกล่าวสรุปว่า ในบางกรณีกองกำลังรัสเซียจะตอบโต้การโจมตีหรือเล็งเป้าหมายไปยังพื้นที่ที่อยู่อาศัย ซึ่งทำให้พลเรือนตกอยู่ในความเสี่ยงและสร้างความเสียหายต่อโครงสร้างพื้นฐานของพลเรือน

นอกจากนี้ยังวิจารณ์กองทัพยูเครนกรณีที่ไม่อพยพพลเรือนที่อาจถูกจับในระหว่างการปะทะ

“อักเนส คัลลามาร์ด” เลขาธิการแอมเนสตี้ฯกล่าวว่า เราได้บันทึกรูปแบบของกองกำลังยูเครนที่ทำให้พลเรือนตกอยู่ในความเสี่ยง และละเมิดกฎหมายสงคราม เมื่อพวกเขาปฏิบัติการในพื้นที่ที่มีประชากร

ด้าน “ฮันนา มาเลียร์” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวหาแอมเนสตี้ฯว่า “บิดเบือนภาพความเป็นจริง” และไม่เข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เธอยังกล่าวด้วยว่า ทหารยูเครนถูกส่งเข้าไปประจำการในเมืองต่าง ๆ และพื้นที่ที่มีประชากร เพื่อปกป้องพวกเขาจากการโจมตีของรัสเซีย

“ในรายงานไม่มีลำดับเหตุการณ์ รัสเซียกำลังก่ออาชญากรรมที่นี่ ยูเครนกำลังปกป้องดินแดนของตน รัสเซียเพิกเฉยต่อกฎแห่งสงครามทั้งหมด ต่างจากยูเครนที่องค์กรระหว่างประเทศอย่างแอมเนสตี้ฯไม่ยอมปล่อย”

มาเลียร์ยังเน้นย้ำด้วยว่า กองกำลังยูเครนได้จัดเตรียมรถโดยสารเพื่ออพยพพลเรือนออกจากแนวหน้า แต่บางคนปฏิเสธที่จะไป แม้จะมีการอ้อนวอนซ้ำแล้วซ้ำเล่า และเสนอจะส่งไปยังภูมิภาคอื่นที่ปลอดภัยกว่า ยูเครนให้สิทธิในการเข้าถึงสำหรับหน่วยงานภายนอก ซึ่งรวมถึงศาลอาญาระหว่างประเทศ และดำเนินการสอบสวนของตนเองเกี่ยวกับการละเมิดที่กระทำโดยกองกำลังของตน

“โอเลกซี เรซนิคอฟ” รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมยูเครน กล่าวว่า ความพยายามใด ๆ ที่จะตั้งคำถามเกี่ยวกับสิทธิของชาวยูเครนในการต่อต้านการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ เพื่อปกป้องครอบครัวและบ้านเรือนของพวกเขา ล้วนเป็นการบิดเบือน

ขณะที่ “มีคาอิโล โปโดลยาค” ที่ปรึกษาประธานาธิบดียูเครน ทวีตข้อความว่า สิ่งเดียวที่เป็นภัยคุกคามต่อยูเครนคือการเข่นฆ่าและข่มเหงของรัสเซีย ที่เดินทางมายูเครนเพื่อฆ่าล้างเผ่าพันธุ์

นักวิจัยของแอมเนสตี้ฯตรวจสอบการโจมตีเมืองคาร์คีฟ ภูมิภาคดอนบัส และเมืองมิโคลาอิฟ ระหว่างเดือนเมษายนถึงกรกฎาคม พวกเขาพบหมู่บ้านและเมือง 19 แห่ง ที่กองกำลังยูเครนโจมตีหรือสร้างฐานทัพของตนเอง

ใน 3 พื้นที่ แอมเนสตี้ฯพบว่ามีการใช้โรงพยาบาลและโรงเรียนเป็นฐานทัพ

มาเลียร์โต้แย้งว่า ระบบต่อต้านอากาศยานของยูเครนจำเป็นต้องตั้งอยู่ในเมืองต่าง ๆ เพื่อป้องกันโครงสร้างพื้นฐานของพลเรือน และหากกองกำลังยูเครนมีแค่ฐานทัพนอกเมือง กองกำลังรัสเซียก็จะกวาดล้างอย่างไร้การต่อต้าน

“สตีเว่น เฮนส์” อาจารย์ด้านกฎหมายระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยกรีนวิชแห่งลอนดอน แสดงความเห็นว่า ในสถานการณ์ตามอุดมคติ พื้นที่ที่มีประชากรจะต้องไม่ตกเป็นส่วนหนึ่งของสงคราม แต่ธรรมชาติของการบุกรุก หมายความว่าการทำสงครามในเมืองเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้