สถานการณ์เศรษฐกิจมีทั้งข่าวดีข่าวซึม โดยเฉพาะที่สหรัฐ สัญญาณเศรษฐกิจแย้งกัน จึงทำให้การซื้อขายในตลาดหุ้นเอเชียส่งท้ายสัปดาห์แยกไปคนละทิศ
วันที่ 19 สิงหาคม 2565 สำนักข่าว เอพี รายงานว่า ตลาดหุ้นในเอเชียปิดส่งท้ายสัปดาห์ด้วยตัวเลขทั้งบวกและลบปนเปกัน จากการที่นักลงทุนคาดการณ์ไม่ถูกและคาดการณ์ต่างกันไป ตัวเลขสัญญาณทางเศรษฐกิจที่ขัดแย้งกัน ก่อนที่ เจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา หรือ เฟด จะส่งซิกนโยบายเศรษฐกิจ
- ร้านธงฟ้า 1.4 แสนแห่ง พร้อมรับดิจิทัลวอลเลต เช็กจังหวัดไหนร้านธงฟ้ามาก-น้อยสุด
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
นายพาวเวลล์จะกล่าวบรรยายบนเวทีนโยบายเศรษฐกิจ แจ๊กสัน โฮล ที่แคนซัส ซิตี รัฐไวโอมิง สหรัฐ สัปดาห์หน้า วันที่ 26 ส.ค. ขณะที่ผู้คนจับตาว่าจะส่งสัญญาณการขึ้นดอกเบี้ยสยบเงินเฟ้อรอบใหม่จะออกมาดุดันหรือผ่อนคลาย
ตลาดเซี่ยงไฮ้ปิดลดลง 0.1% ดัชนี Kospi ตลาดโซลปิดลดลง 0.5% ส่วนนิกเคอิ กรุงโตเกียว ลดลง 0.1% และฮ่องกงพุ่งขึ้น 0.4% ส่วนตลาดหุ้นไทย สิงคโปร์ และนิวซีแลนด์ ปิดตัวเลขบวก ตามตลาดหุ้นวอลล์สตรีทของสหรัฐ เมื่อวันพฤหัสฯ ที่ 18 ส.ค. ที่ดีดกลับมาด้วยผลประกอบการธุรกิจห้างร้านรายใหญ่ออกมาดี และอัตราคนว่างงานลดลง
จ้างงานดี-หวั่นใจเฟด
กระทรวงแรงงานสหรัฐแถลงตัวเลขการจ้างงาน ว่าสูงขึ้น 528,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค. ส่วนอัตราการว่างงานในสหรัฐอยู่ที่ 3.5% นับว่าลดลงต่ำสุดในรอบ 2 ปี หลังจากการระบาดของโรคโควิด-19 ขณะที่ราคาน้ำมันแม้ลดลงแต่ยังสูงกว่าระดับ 90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
จากตัวเลขดังกล่าวทำให้นักลงทุนกังวลว่า เฟด และบรรดาธนาคารกลาง ทั้งในยุโรปและเอเชียอาจขึ้นดอกเบี้ยเพื่อชะลอการขยายตัวทางเศรษฐกิจ หวังคุมเงินเฟ้อที่พุ่งสูงในรอบหลายทศวรรษ
เอ็ดเวิร์ด โมยา จากบริษัท Oanda กล่าวว่า จากตัวเลขของสหรัฐ อาจเปิดประตูให้เฟดขึ้นดอกเบี้ยแบบดุดันอีกครั้ง
ขณะที่ยอดการค้าปลีกในสหรัฐ ยังคงทรงตัวในเดือนก.ค. เมื่อมีอัตราเพิ่มขึ้น 0.8% ต่ำกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.1% เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ชาวอเมริกันจำนวนมากใช้จ่ายอย่างระมัดระวังมากขึ้น แต่ยังนับว่าสูงขึ้นกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน 7.1%
ชาวอเมริกันใช้จ่ายแต่ระวัง
เมื่อเทียบกับ 12 เดือนที่ผ่านมา ยอดค้าปลีกโดยรวมเพิ่มขึ้น 10.3% ในเดือนกรกฎาคม หากไม่รวมรถยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์ ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนกรกฎาคม ส่วนยอดขายวัสดุก่อสร้างและอุปกรณ์ทำสวนเพิ่มขึ้น เช่นเดียวกับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า
เจฟฟรีย์ โรช หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ LPL Financial กล่าวว่า “เมื่อราคาน้ำมันลดลง ผู้บริโภคมีเงินในกระเป๋ามากขึ้นสำหรับซื้อของอื่น ๆ เช่น เฟอร์นิเจอร์และอิเล็กทรอนิกส์”
อย่างไรก็ตาม ผู้บริโภคยังคงระมัดระวังการใช้จ่ายมากกับสิ่งที่ไม่จำเป็น โดยยอดขายที่ห้างสรรพสินค้าลดลง 0.5% และ ร้านขายเสื้อผ้าลดลง 0.6%
อัตราเงินเฟ้อยังคงเป็นปัญหาหลักสำหรับหลายครอบครัว แม้ว่าราคาน้ำมันเบนซินจะลดลง แต่ค่าใช้จ่ายอื่นๆ กลับสูงขึ้น ค่าแรงยังคงเท่าเดิม ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้น และต้นทุนการจำนองและการกู้ยืมเงินที่พุ่งสูงขึ้น
จากรายงานยอดค้าปลีก ครอบคลุมประมาณ 1 ใน 3 ในการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคทั้งหมด ชาวอเมริกันเปลี่ยนการซื้อจากสินค้าที่จับต้องได้ หันมาใช้จ่ายเรื่องการเดินทาง การเข้าพักในโรงแรม และการเดินทางโดยเครื่องบินมากขึ้น
ผลกระทบของการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟด ส่งผลต่อตลาดที่อยู่อาศัย การขายบ้านที่เคยถูกครอบครองก่อนหน้านี้ได้ชะลอตัวลงเป็นเวลา 5 เดือนติดต่อกัน เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่สูงขึ้นและราคาขายที่สูงทำให้ผู้ซื้อน้อยลง
ร้านค้าปลีกขายดีขึ้น-แต่…!
เมื่อจับกระแสธุรกิจเอกชน พบว่า วอลมาร์ท – Walmart ผู้ค้าปลีกรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐ มีรายได้และผลกำไรรายไตรมาสได้ดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ (ยอดขายเพิ่ม 8.4% เป็นมูลค่า 152,000 ล้านดอลลาร์ในไตรมาสสอง) แต่มีข้อความแนบมาด้วยว่า ลูกค้าส่วนใหญ่มุ่งซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่มีราคาถูก
ด้านโฮลฟู้ดส์ – Whole Foods ได้ลูกค้าเพิ่มมากขึ้น ซึ่งแม้เป็นที่ทราบว่า ลูกค้าของบริษัทเป็นกลุ่มมีรายได้น้อย แต่กลับพบว่าไตรมาสที่สอง 75% จากสินค้าที่ขายได้นั้นมาจากกลุ่มที่มีรายได้พอสมควรคือครัวเรือนละอย่างน้อย 1 แสนดอลลาร์ นอกจากนี้ยังพบว่า ในกลุ่มลูกค้าที่มีรายได้น้อยกว่า จะซื้อของที่มีราคาถูกลงจากในร้าน เช่น เนื้อสไลด์แล้วไปทำฮอทดอกเอง เพื่อประหยัดเงิน
ส่วนร้าน ทาร์เก็ต – Target เผยตัวเลขผลประกอบการไตรมาสสอง ว่ากำไรลดลงเกือบ 90% สวนทางกับยอดขายที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากส่วนใหญ่เป็นสินค้าล้างสต๊อกที่มีความต้องการ สูงในช่วงการระบาดของโรคโควิด-19 เช่น เฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และอิเล็กทรอนิกส์
ขณะที่ เจมี่ ซิงเกิลตัน ประธาน Signet Jewelers บริษัทค้าปลีกอัญมณีรายใหญ่ของสหรัฐ เจ้าของแบรนด์ Zales and Jared เผยว่า ชาวอเมริกันเลือกมากขึ้นที่จะซื้อสินค้าฟุ่มเฟือย เพราะหันไปซื้อของกินของใช้มากขึ้น
หวังเลิกกำแพงภาษีสินค้าจีน
นายแมตธิว เชย์ ประธานและซีอีโอ สหพันธ์ค้าปลีกแห่งชาติ หรือ NRF สหรัฐอเมริกา กล่าวว่า การค้าปลีกของสหรัฐในเดือนกรกฎาคมที่เพิ่มขึ้น ได้แรงผลักดันมาจากราคาพลังงานที่ลดลง และเงินเฟ้อเริ่มชะลอตัว
นายเชย์กล่าวว่า ผู้บริโภคปรับตัวในสถานการณ์ที่ข้าวของแพง ด้วยการจัดลำดับสินค้าที่มีความจำเป็นต้องซื้อไว้ก่อน เช่น อาหาร หรือสินค้าของเด็กที่ต้องใช้เมื่อเปิดภาคเรียนใหม่ที่โรงเรียน ดังนั้นกลุ่มค้าปลีกต้องทำงานหนักเพื่อรองรับผลกระทบจากราคาข้าวของที่แพงขึ้น และช่วยผผู้บริโภคให้ได้มากที่สุด
“อย่างไรก็ตาม หากผลักดันมาตรการอย่างการยกเลิกกำแพงภาษีต่อสินค้าจีน การปฏิรูประบบตรวจคนเข้าเมือง และการลงทุนเพื่อฟื้นห่วงโซอุปทาน ให้มีผล จะช่วยผ่อนคลายแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ และลดค่าใช้จ่ายในครัวเรือนของชาวอเมริกันได้” ประธาน NRF กล่าว
……
เงินเฟ้อสะเทือน “เชนฟาสต์ฟู้ด” พฤติกรรมลูกค้าอเมริกันเปลี่ยนแรง
เงินเฟ้อสหรัฐ แผ่วลงที่ 8.5% ข่าวดีขาลง หรือแค่พักร้อนชั่วคราว