คามิลลา ตำนานรักซ่อนเร้น สู่สมเด็จพระราชินีอังกฤษ ในพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3

(Photo by Justin TALLIS / AFP)

เส้นทาง “คามิลลา” หญิงผู้มีสัมพันธ์นอกสมรสกับว่าที่กษัตริย์อังกฤษ ก่อนก้าวสู่ตำแหน่งสมเด็จพระราชินี เคียงข้าง “พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3”

วันที่ 10 กันยายน 2565 ซีเอ็นเอ็นรายงานว่า เมื่อพระสวามีขึ้นครองราชบัลลังก์ หลังการเสด็จสวรรคตของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 เมื่อวันพฤหัสบดีตามเวลาท้องถิ่น “คามิลลา” ได้กลายเป็น “สมเด็จพระราชินีแห่งสหราชอาณาจักร” พร้อมกับบทบาทใหม่ที่โดดเด่นยิ่งขึ้นเคียงข้าง “พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3”

25 ปีหลังการสิ้นพระชนม์ของ “ไดอาน่า ดัชเชสแห่งเวลส์” พระชายาองค์แรกของพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 คามิลลายังคงเป็นบุคคลที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ในสหราชอาณาจักร

หลังจากเสกสมรสกับพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 เมื่อปี 2548 คามิลลาได้ทำงานอย่างหนักในฐานะราชวงศ์อาวุโส เคียงข้างพระสวามี และได้สนับสนุนองค์กรการกุศลเพื่อช่วยเหลือสตรีและเด็ก แต่หลายคนพบว่ามันยากเหลือเกินที่จะลืม หรือให้อภัยประเด็นชู้สาวที่ดำเนินมายาวนาน รวมถึงความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นกับไดอาน่า

ซีรีส์เรื่อง The Crown ของเน็ตฟลิกซ์ ได้นำช่วงเวลาที่ปั่นป่วนนั้นมาเป็นส่วนหนึ่งของซีรีส์ชุดล่าสุด โดยนำเรื่องราวของคามิลลามานำเสนอ ซึ่งเป็นการย้ำเตือนผู้ชมถึงอดีตของเธอ

แล้วเราคาดหวังอะไรจากสมเด็จพระราชินีคนใหม่แห่งสหราชอาณาจักร ?

“คามิลลา แชนด์” เกิดเมื่อเดือนกรกฎาคม 2490 เธอเติบโตมาในชนบทของอังกฤษ ซึ่งทำให้เธอชื่นชอบม้าเป็นอย่างมาก

มีรายงานว่าเธอพบเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ที่การแข่งขันโปโลในเมืองวินด์เซอร์ เมื่อปี 2519 หลังจากนั้นทั้งคู่ก็กลายเป็นเพื่อนกัน ปีถัดมาชาร์ลส์เข้าร่วมในราชนาวีและในขณะที่พระองค์ไม่อยู่ คามิลลาได้สมรสกับนายทหารม้า “แอนดรูว์ พาร์กเกอร์ โบว์ลส์” ทั้งคู่มีลูกด้วยกัน 2 คน

ชาร์ลส์เสกสมรสกับเลดี้ไดอาน่า สเปนเซอร์ เมื่อปี 2524 ในพิธีที่งดงามราวกับเทพนิยาย โดยมีผู้ชมนับล้านคนทั่วโลกเป็นสักขีพยาน แต่พระองค์ยอมรับในปี 2537 ว่าได้มีสัมพันธภาพนอกสมรสกับคามิลลา

ไดอาน่ายืนยันการนอกใจของพระองค์ และได้ประทานสัมภาษณ์กับบีบีซีว่า “การแต่งงานครั้งนี้มีพวกเราสามคน มันจึงค่อนข้างอึดอัด”

คามิลลาหย่าขาดจากแอนดรูว์ พาร์กเกอร์ โบว์ลส์ ในปี 2538 ชาร์ลส์และไดอาน่าหย่ากันในปีถัดมา และคามิลลาก็หายหน้าไปจากสาธารณะ เนื่องจากประชาชนและสื่อต่างพากันสนับสนุนไดอาน่า

ความเห็นใจไดอาน่าและต่อต้านคามิลลา ยิ่งทวีมากขึ้นเมื่อไดอาน่าสิ้นพระชนม์ จากอุบัติเหตุทางรถยนต์ในกรุงปารีส เมื่อปี 2540

ต่อมาในปี 2542 พระตำหนักคลาเรนซ์ได้เริ่มโครงการแนะนำคามิลลาต่อสาธารณชนอีกครั้ง ด้วยการปรากฏตัวอย่างระมัดระวังกับชาร์ลส์เป็นครั้งแรก นอกโรงแรมริทซ์ในกรุงลอนดอน เธอได้ย้ายเข้าไปอยู่ในพระตำหนักคลาเรนซ์ร่วมกับชาร์ลส์ และชื่อของเธอก็เริ่มปรากฏในเอกสารราชการ

หกปีต่อมา เรื่องราวความรักอันยาวนานหลายทศวรรษของทั้งคู่ก็มาถึงจุดไคลแมกซ์เมื่อทั้งคู่ได้เข้าพิธีเสกสมรสกันในพระราชวังวินด์เซอร์ โดยได้รับพระบรมราชานุญาตจากควีนเอลิซาเบธที่ 2

คามิลลา ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในนามดัชเชสแห่งคอร์นวอลล์ ได้รับการยืนยันว่าจะได้เป็นราชินีอย่างเป็นทางการของชาร์ลส์ และเป็นสมเด็จพระราชินีแห่งสหราชอาณาจักร

ดัชเชสแห่งคอร์นวอลล์นำพาชีวิตสู่ฐานะราชวงศ์อาวุโส โดยได้รับแรงสนับสนุนจากชาร์ลส์อย่างเป็นทางการทั้งในสหราชอาณาจักรและต่างประเทศ แม้จะกลัวการขึ้นเครื่องบินอย่างหนักก็ตาม

เธอได้กลายเป็นสมบัติของราชวงศ์อังกฤษและรัฐบาลอังกฤษอย่างรวดเร็ว ด้วยกิริยาที่เป็นมิตรกับทุกคน และความสามารถในการขจัดความตึงเครียดในห้อง

“เป็นเรื่องดีเสมอที่มีใครสักคนอยู่ข้างคุณ” เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์พระราชทานสัมภาษณ์กับซีเอ็นเอ็นเมื่อปี 2558 พร้อมตรัสด้วยว่า “เธอได้รับการสนับสนุนอย่างมาก สิ่งที่ดีที่สุดคือพวกเราหัวเราะด้วยกันบ่อยครั้ง เพราะเธอมองเห็นด้านตลกของชีวิต ขอบคุณพระเจ้า”

(Photo by JOHN STILLWELL / POOL / AFP)

คามิลลายังกำหนดบทบาทราชวงศ์ของตัวเองด้วย โดยสนับสนุนประเด็นที่ใกล้ชิดกับเธอ เช่น การอ่านออกเขียนได้ของเด็ก และการให้ความช่วยเหลือเหยื่อจากความรุนแรงในครอบครัว เธอให้สัมภาษณ์ซีเอ็นเอ็นระหว่างการเยือนที่พักพิงสตรีในบริสตอลของอังกฤษเมื่อปี 2560 ว่าเธอสามารถใช้ตำแหน่งของเธอเพื่อเน้นย้ำถึงชะตากรรมของ “สตรีผู้กล้าหาญ” ผู้ซึ่งต้องทนทุกข์จากน้ำมือของคู่รัก

ดัชเชสคามิลลายังทำงานเพื่อสร้างความตระหนักเกี่ยวกับโรคกระดูกพรุน ซึ่งเป็นโรคที่ส่งผลต่อทั้งแม่และยายของเธอ เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ให้สัมภาษณ์กับซีเอ็นเอ็นเมื่อปี 2558 ว่า “เธอรู้สึกอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับเรื่องนั้น”

พระองค์กล่าวด้วยว่า “ข้าพเจ้าคิดว่าเธอได้ทำในสิ่งที่ยอดเยี่ยม ในปัญหาทั้งหมดที่เกี่ยวกับความรุนแรงต่อสตรี การข่มขืน และความรุนแรงทางเพศ ข้าพเจ้าคิดว่ามันค่อนข้างน่าทึ่งกับสิ่งที่เธอทำ”

“ส่วนงานที่เกี่ยวกับการอ่านหนังสือ สืบเนื่องมาจากการที่เธอคลั่งไคล้การอ่านหนังสือ และบิดาของเธอก็เป็นนักอ่านตัวยง และข้าพเจ้าคิดว่าจะส่งเสริมเธอในเรื่องนี้ เธอแทบจะกลืนหนังสือทุกประเภท”

(Photo by Joe Giddens / POOL / AFP)

“ข้าพเจ้าภูมิใจในตัวเธอมาก ขณะเดียวกันเธอก็พยายามสนับสนุนข้าพเจ้า ซึ่งมันวิเศษมากสำหรับเธอ” ชาร์ลส์กล่าว

หนึ่งในผู้ช่วยของคามิลลา ให้สัมภาษณ์ซีเอ็นเอ็นเมื่อปี 2556 ว่า เมื่อครอบครัวของคามิลลาขยายขึ้น ความรักครั้งใหม่ก็ก่อตัว สำหรับหลาน ๆ เธอคือ “คุณย่ามืออาชีพ”

ทันทีที่พระสวามีขึ้นเป็นกษัตริย์ คามิลลากลายเป็นราชินีโดยอัตโนมัติ อย่างไรก็ตาม พระตำหนักคลาเรนซ์ได้ออกแถลงการณ์เมื่อปี 2548 ว่า เธอจะไม่ใช้ยศนี้ แต่จะใช้ยศ สมเด็จพระราชินีมเหสี (Queen Consort) แทน เนื่องจากขณะนั้นมีบางคนในวังที่รู้สึกว่าประชาชนยังไม่พร้อมให้คามิลลารับตำแหน่งที่ควรจะเป็นของไดอาน่า

แต่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทัศนคติที่มีต่อคามิลลาก็อ่อนลง ในปี 2558 ผลสำรวจของซีเอ็นเอ็นพบว่า หนึ่งในสี่ของชาวอังกฤษเริ่มชอบเธอมากขึ้นเรื่อย ๆ และมีคนที่ต่อต้านการขึ้นเป็นราชินีของเธอน้อยลงเรื่อย ๆ

(Photo by Ben Stansall / AFP)

จากนั้นในเดือนกุมภาพันธ์ 2556 ควีนเอลิซาเบธที่ 2 ทรงใช้โอกาสในพระราชพิธีกาญจนาภิเษก อวยพรให้ดัชเชสแห่งคอร์นวอลล์ได้เป็นที่รู้จักในฐานะราชินีเมื่อถึงเวลา

“เมื่อถึงเวลา ชาร์ลส์ โอรสของข้าพเจ้าจะขึ้นเป็นกษัตริย์ ข้าพเจ้ารู้ว่าท่านจะให้การสนับสนุนเขาและพระชายา คามิลลา เช่นเดียวกับที่ท่านให้การสนับสนุนข้าพเจ้า ข้าพเจ้าขออวยพรอย่างจริงใจ เมื่อถึงเวลานั้น คามิลลาจะเป็นที่รู้จักในนามสมเด็จพระราชินีมเหสี พร้อมกับที่เธอยังคงรับใช้ราชวงศ์อย่างซื่อสัตย์ต่อไป”

(Photo by Daniel LEAL / AFP)

ความเคลื่อนไหวของควีนเอลิซาเบธที่ 2 ในครั้งนั้น ได้เน้นย้ำว่า คามิลลาไม่ได้ถูกมองเป็นเพียงพระสนมอีกต่อไป ไม่ว่าจะในที่สาธารณะหรือภายในกำแพงวัง แต่เธอเป็นบุคคลสำคัญในราชวงศ์

ข่าวเกี่ยวข้อง