แรงกดดันบีบอินโดนีเซีย จ่อนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย

อินโดนีเซียถูกบีบให้ซื้อน้ำมันรัสเซีย
(Photo by Pavel BEDNYAKOV / Sputnik / AFP)

ประธานาธิบดีอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ระบุว่า เขากำลังพิจารณาทางเลือกทั้งหมด เพื่อลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานที่พุ่งสูงขึ้น

วันที่ 12 กันยายน 2565 ไฟแนนเชียลไทม์สรายงานว่า “โจโก วิโดโด” ประธานาธิบดีอินโดนีเซีย กล่าวว่า อินโดนีเซียจำเป็นต้องพิจารณาทางเลือกทั้งหมด พร้อมกับพิจารณาร่วมกับประเทศอื่น ๆ ในเอเชีย ซึ่งรวมถึงอินเดียและจีน ในการซื้อน้ำมันรัสเซีย เพื่อชดเชยต้นทุนพลังงานที่พุ่งสูงขึ้น

อินโดนีเซียไม่ได้นำเข้าน้ำมันจำนวนมากจากรัสเซียมานานหลายปีแล้ว แต่รัฐบาลของโจโกวีกำลังอยู่ภายใต้แรงกดดันที่เพิ่มขึ้น ในการควบคุมต้นทุนที่สูงขึ้น หลังจากถูกบีบให้ขึ้นราคาเชื้อเพลิงบางส่วนสูงถึง 30% ในเดือนนี้

ทุกการเคลื่อนไหวเกี่ยวกับการซื้อน้ำมันรัสเซียในราคาที่สูงกว่าเพดานที่กำหนดโดยกลุ่มประเทศ G7 อาจทำให้อินโดนีเซียเสี่ยงต่อการถูกคว่ำบาตรจากสหรัฐ ในระหว่างที่อินโดนีเซียกำลังเตรียมจัดการประชุมสุดยอด G20 ในบาหลี เดือนพฤศจิกายนนี้

ในการประชุมดังกล่าว วิโดโดได้เชิญผู้นำระดับโลกเข้าร่วมด้วย หนึ่งในนั้นคือ “วลาดิมีร์ ปูติน” ประธานาธิบดีรัสเซีย และ “โวโลดิมีร์ เซเลนสกี” ประธานาธิบดียูเครน

“เราเฝ้าติดตามตัวเลือกทั้งหมดอยู่เสมอ หากมีประเทศใดให้ราคาที่ดีกว่า แน่นอน” วิโดโดตอบไฟแนนเชียลไทม์ส หลังจากที่ถูกถามว่าอินโดนีเซียจะซื้อน้ำมันจากรัสเซียหรือไม่

ขณะเดียวกัน เขายังกล่าวที่ทำเนียบประธานาธิบดีด้วยว่า รัฐบาลมีหน้าที่ต้องหาแหล่งพลังงานที่หลากหลาย เพื่อตอบสนองความต้องการด้านพลังงานของประชาชน รัฐบาลต้องหาวิธีแก้ไข

ความเห็นของวิโดโดได้เน้นย้ำให้เห็นถึงความยากลำบากของหลายประเทศ ที่กำลังพยายามหาจุดสมดุลระหว่างภูมิศาสตร์ทางการเมืองและวิกฤตพลังงาน ที่ส่งผลกระทบต่อครัวเรือนและธุรกิจทั่วโลก

อินโดนีเซียซึ่งเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ดำเนินตามนโยบายที่ไม่สอดคล้องกับมหาอำนาจมานานแล้ว โดยวิโดโดได้เดินทางไปเยือนกรุงมอสโกและกรุงเคียฟเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา หรือเพียงไม่กี่เดือนหลังรัสเซียบุกยูเครน เพื่อเชิญผู้นำของสองประเทศเข้าร่วมการประชุมสุดยอด G20 เป็นการส่วนตัว

“เดวิด ซามูเอล” หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ธนาคารกลางเอเชียในกรุงจาการ์ตา กล่าวว่า เป็นการประชาสัมพันธ์ที่ไม่ดีเลยจริง ๆ หากรัฐบาลอินโดนีเซียซื้อน้ำมันจากรัสเซีย เนื่องจากอินโดนีเซียเป็นประเทศที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด และเป็นผู้ก่อตั้งขบวนการประชาชาติที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด

รัสเซียได้เสนอขายน้ำมันให้อินโดนีเซียในราคาที่ต่ำกว่าอัตราตลาดระหว่างประเทศถึง 30% ตามที่รัฐมนตรีท่องเที่ยวอินโดนีเซียกล่าว

ด้าน “เปอร์ตามิน่า” (Pertamina) บริษัทน้ำมันของรัฐบาลอินโดนีเซีย ระบุเมื่อเดือนสิงหาคมว่า กำลังทบทวนความเสี่ยงต่าง ๆ ในการซื้อน้ำมันรัสเซีย

แต่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว สหรัฐขู่ว่าจะออกมาตรการคว่ำบาตรต่อผู้ที่ซื้อน้ำมันรัสเซีย ที่ซื้อในราคาเกินกว่าเพดานที่วางไว้ และใช้บริการของชาติตะวันตกในการทำธุรกรรม ซึ่งนับเป็นการเพิ่มความเสี่ยงให้กับประเทศที่เกี่ยวข้องกับร้สเซีย

การตัดสินใจของอินโดนีเซียที่จะลดเงินอุดหนุนด้านพลังงานในเดือนนี้ ได้รับแรงกระตุ้นจากต้นทุนเงินอุดหนุนเชื้อเพลิงที่เพิ่มขึ้นสามเท่าจากงบประมาณเดิม

เศรษฐกิจของอินโดนีเซียผ่านพ้นวิกฤตด้านพลังงานจากการบริโภคภายในประเทศที่แข็งแกร่ง และราคาสินค้าส่งออกจาก 2 ส่วนสำคัญ ได้แก่ ถ่านหินและน้ำมันปาล์ม โดยอินโดนีเซียมีผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศเติบโตขึ้น 5.44% ในไตรมาสที่ 2 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า

ทว่าราคาน้ำมันที่สูงขึ้น คาดว่าจะเป็นปัจจัยทำให้เงินเฟ้อพุ่งขึ้น และบีบให้ธนาคารกลางอินโดนีเซียต้องปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ย ซึ่งอาจกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ

“พลังงานเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับผลประโยชน์สูงสุดของประชาชน” วิโดโดกล่าว

หากอินโดนีเซียเข้าร่วมกับอินเดียและจีนในการซื้อน้ำมันของรัสเซีย ก็จะช่วยรัสเซียชดเชยรายได้ที่สูญเสียไปมาก จากการส่งออกน้ำมันที่ลดลงไปยังยุโรป

ไฟแนนเชียลไทม์สวิเคราะห์สถิติทางศุลกากรของจีนและอินเดีย ซึ่งแสดงให้เห็นว่าทั้งสองประเทศมีการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซียเพิ่มขึ้น 11 ล้านตัน ในไตรมาสที่สองของปี 2565 เมื่อเทียบกับไตรมาสแรก

อินโดนีเซียและรัสเซียยังมีโครงการพลังงานขนาดใหญ่หลายโครงการที่มีการวางแผนไว้ หนึ่งในนั้นคือโรงกลั่นน้ำมันมูลค่า 16,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในชวาตะวันออก ที่สร้างโดยเปอร์ตามิน่า และรอสเนฟต์ (Rosneft) รัฐวิสาหกิจด้านพลังงานของรัสเซีย

นอกจากนี้ ซารูเบซเนฟต์ (Zarubezhneft) รัฐวิสาหกิจของรัสเซีย ยังถือหุ้นครึ่งหนึ่งในแปลงสำรวจน้ำมันและก๊าซ “ทูน่า” ในทะเลจีนใต้ ซึ่งเป็นพื้นที่ใกล้กับพรมแดนทางทะเลของอินโดนีเซียและเวียดนาม

ส่วนการประชุมสุดยอด G20 ในบาหลี วิโดโดกล่าวว่า ทั้งปูตินและเซเลนสกี คาดว่าจะเข้าร่วมการประชุมดังกล่าว เช่นเดียวกับ “สี จิ้นผิง” ประธานาธิบดีจีน และ “โจ ไบเดน” ประธานาธิบดีสหรัฐ

เขากล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า มีโอกาสที่ประธานาธิบดียูเครนจะกล่าวสุนทรพจน์ผ่านวิดีโอเสมือนจริง