
สื่อพากันประเมินทรัพย์สิน เจ้าชายวิลเลียม หลังจากมีข่าวพระองค์ได้รับมรดกเป็นทรัพย์สินที่ดินอายุ 685 ปี มูลค่าเกินพันล้านปอนด์ หรือ 4 หมื่นล้านบาท
วันที่ 15 กันยายน 2565 ซีเอ็นเอ็น รายงานวิเคราะห์ทรัพย์สินของสมาชิกราชวงศ์อังกฤษ แม้ว่าทรัพย์สมบัติส่วนพระองค์ของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 หลังเสด็จสวรรคตยังคงเก็บเป็นความลับของราชวงศ์
นิตยสารฟอร์บส์ประเมินไว้เมื่อปี 2021 ว่า ควีนอาจมีทรัพย์สินส่วนพระองค์ทั้งหมดประมาณ 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 18,000 ล้านบาท ทั้งอัญมณี งานศิลปะล้ำค่า การลงทุนและที่ประทับ 2 แห่ง ได้แก่ พระตำหนักบัลมอรัลและพระตำหนักซานดริงแฮม ในนอร์ฟอล์ก ซึ่งควีนได้รับพระราชทานจากสมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 6 พระราชบิดา

ลอร่า แคลนซี อาจารย์ด้านสื่อของมหาวิทยาลัยแลงคาสเตอร์และผู้เขียนหนังสือเกี่ยวกับการเงินของราชวงศ์กล่าวว่า ไม่มีใครทราบว่าแท้จริงแล้วควีนทรงมีทรัพย์สมบัติเท่าใด เพราะไม่เคยเปิดเผยให้สาธารณชนรับทราบ
แต่ความมั่งคั่งมหาศาลของราชวงศ์ อย่างน้อย 18,000 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 756,000 ล้านบาท รวมทั้งที่ดิน ทรัพย์สิน และการลงทุน ส่งผ่านไปถึงพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 กษัตริย์พระองค์ใหม่แล้ว
ส่วนรัชทายาทลำดับที่ 1 เจ้าชายวิลเลียม เจ้าชายแห่งเวลส์ ครองความร่ำรวยมากกว่าพระบิดามาก เนื่องจากในอนาคต พระองค์จะทรงได้รับมรดกของพระบิดา
พระองค์ทรงเป็นเจ้าของที่ดินและทรัพย์สิน ครอบคลุมพื้นที่เกือบ 354,099 ไร่ ส่วนใหญ่อยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของอังกฤษ ซึ่งสืบทอดมาตั้งแต่พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 3 เมื่อปี 1337 หรืออายุ 685 ปี มูลค่าประมาณ 1,000 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 43,200 ล้านบาท

เงินปีส่วนพระมหากษัตริย์
เว็บไซต์ของดยุกแห่งคอร์นวอลล์ระบุว่า พระองค์ทรงใช้รายได้จากอสังหาริมทรัพย์เป็นเงินทุนแก่กิจกรรมสาธารณะ กิจกรรมส่วนพระองค์ และกิจกรรมการกุศล
ปัจจุบัน พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ทรงครอบครองทรัพย์สินราชวงศ์ส่วนใหญ่ประมาณ 16,500 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 68,400 ล้านบาท แต่ตามข้อตกลงที่ทำไว้ตั้งแต่ปี 1760 กษัตริย์จะทรงมอบผลกำไรทั้งหมดจากอสังหาริมทรัพย์ให้กับรัฐบาล เพื่อแลกกับเงินปีส่วนพระมหากษัตริย์ อสังหาริมทรัพย์ รวมถึงที่ดินใจกลางกรุงลอนดอน ก้นทะเลรอบอังกฤษ เวลส์ และไอร์แลนด์เหนือ
โดยมีสถานะเป็นบรรษัท ซึ่งมีผู้บริหารระดับสูงและคณะกรรรมการซึ่งแต่งตั้งโดยพระมหากษัตริย์ ตามคำแนะนำของนายกรัฐมนตรี ทำหน้าที่บริหาร

ปีงบประมาณปีที่แล้ว มีกำไรสุทธิเกือบ 313 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 13,000 ล้านบาท กระทรวงการคลังมอบให้เป็นเงินปีส่วนพระมหากษัตริย์ 86 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 3,600 ล้านบาท หากเฉลี่ยให้ชาวสหราชอาณาจักรทุกคน จะได้คนละ 1.29 ปอนด์ หรือ 54 บาท ซึ่งเงินส่วนใหญ่เป็นค่าใช้จ่ายให้กับการดูแลรักษาทรัพย์สินของราชวงศ์ และเป็นค่าจ้างข้าราชบริพาร
เงินปีส่วนพระมหากษัตริย์เทียบได้เท่ากับผลกำไรอสังหาริมทรัพย์ร้อยละ 15 แต่ค่าใช้จ่ายจะเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 25 ในทศวรรษหน้า เพราะจะต้องบูรณะซ่อมแซมพระราชวังบักกิงแฮม

พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ทรงได้รับมรดกเป็นอสังหาริมทรัพย์ส่วนพระองค์ ที่มีอายุย้อนไปถึงปี 1265 มูลค่าประมาณ 653 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 27,504 ล้านบาท ส่วนรายได้จากการลงทุนนำมาเป็นค่าใช้จ่ายที่ไม่ได้รวมกับเงินปีส่วนพระมหากษัตริย์ และถวายให้แก่สมาชิกราชวงศ์
ข้อจำกัดการใช้ประโยชน์จากทรัพย์สิน
แม้ทรงมีทรัพย์สินมหาศาล แต่กษัตริย์และพระราชโอรสทรงมีข้อจำกัดว่า จะได้รับผลประโยชน์ส่วนพระองค์จากมรดกได้มากน้อยเพียงใด
Institute for Government ระบุว่ากษัตริย์ทรงใช้เงินปีส่วนพระมหากษัตริย์ในพระราชกรณียกิจเท่านั้น พระองค์และพระราชโอรสจะทรงใช้ผลกำไรจากการขายทรัพย์สินไม่ได้ เพราะกำไรจากการขายจะส่งกับไปลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ใหม่ และกระทรวงการคลังจะต้องอนุมัติธุรกรรมอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ทั้งหมด
ทั้งพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 และเจ้าชายวิลเลียมไม่ต้องเปิดเผยรายละเอียด เพียงแต่รายงานรายได้เท่านั้น และทั้ง 2 พระองค์ทรงไม่ต้องจ่ายภาษีสำหรับอสังหาริมทรัพย์

ปีที่แล้ว พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ขณะดำรงตำแหน่งดยุกแห่งคอร์นวอลล์ ทรงจ่ายเงินให้พระองค์เอง 21 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 900 ล้านบาทจากดัชชีแห่งคอร์นวอลล์
ตามระเบียบที่กำหนดไว้แต่โบราณ ทั้ง 2 พระองค์ทรงไม่ต้องจ่ายภาษีสำหรับอสังหาริมทรัพย์ แต่ทั้งคู่ทรงจ่ายเงินด้วยความสมัครพระราชหฤทัยมาตั้งแต่ปี 1993 หลังจากที่ราชวงศ์ถูกวิจารณ์อย่างหนัก ว่าใช้เงินประชาชนไปซ่อมพระราชวังวินเซอร์
แคลนซีกล่าวว่า การจ่ายภาษีโดยสมัครใจไม่ใช่อัตราตายตัว และไม่ต้องเปิดเผยว่าจ่ายภาษีเท่าไร
…..