กระแสชาวฮ่องกงย้ายดินแดนยังปรากฏอยู่ ถึงขั้นมีคอร์สสอนทักษะไปอยู่ต่างประเทศ โดยช่วงเวลานี้ที่อยู่ในช่วงไว้ทุกข์ควีนอังกฤษ ชาวฮ่องกงส่วนหนึ่งย้อนนึกถึงสมัยเป็นอาณานิคม เปรียบเทียบกับปัจจุบันที่จีนเข้ามาคุมเข้ม
วันที่ 16 กันยายน 2565 สำนักข่าว เอเอฟพี รายงานถึงกระแสที่ชาวฮ่องกง มุ่งฝึกอบรมทักษะสำหรับย้ายไปอยู่ต่างประเทศ หลังจากสภาพทางการเมืองผันแปรสู่การควบคุมของจีน มีการปราบปรามฝ่ายผู้แสดงออกถึงการต่อต้านรัฐบาลคอมมิวนิสต์มา 3 ปีแล้ว ไปจนถึงการใช้มาตรการคุมโรคระบาดโควิดมาคุมเศรษฐกิจ
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- บังคับใช้แล้ว! หลักเกณฑ์การดำเนินงาน 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว
- อะไรทำให้ “ทองคำ” แพง สงคราม หรือการเก็งกำไร ?
ธุรกิจฝึกอบรมทักษะที่ได้รับความนิยมตอนนี้มีหลากหลาย เช่น ทักษะซ่อมบ้าน หรือ ทักษะแต่งผม
บุรุษพยาบาลแซ่ผัน เป็นคนหนึ่งที่ไปฝึกอบรมทักษะซ่อมบ้านกับบริษัทเรโนโบร ที่คิดค่าอบรม 250 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 9 พันกว่าบาท กล่าวว่า ตั้งใจมาฝึกคอร์สนี้เพื่อไว้ใช้เมื่อไปอยู่ต่างแดนแล้ว เพราะช่วงที่อยู่ฮ่องกง มีบริการด้านนี้ให้เรียกใช้ แต่หากไปอยู่ต่างแดน ก็ต้องพึ่งพาตนเอง
หลิว ชุนอู๋ ผู้ก่อตั้งบริษัทเรโนโบร กล่าวว่า ทุกวันนี้มีคนมาลงทะเบียนฝึกอบรมกับบริษัทมากกว่าพันคน ซึ่งเหนือกว่าที่คาดหมายไว้มาก อีกทั้งคนที่มาลงเรียน อยู่ในวัย 30 กว่า ๆ มีทั้งอาชีพหลากหลาย รวมถึงแพทย์ และครู คนเหล่านี้เตรียมตัวที่จะไปอยู่ต่างประเทศ
ตัวเลขประชากรฮ่องกงปีล่าสุด พบว่าหดหายไป 1.6% เหลือประชากร 7.29 คน ส่วนแรงงานดิ่งลงไปอยู่ที่ 3.75 ล้านคน นับว่าต่ำที่สุดในรอบเกือบทศวรรษ หากดูเฉพาะตัวเลขด้านการศึกษา พบว่า จำนวนชั้นเรียนลดหายไป 70 คลาสจาก 60 โรงเรียนในภาคการศึกษานี้ และครูออกจากงานนี้ไปแล้วถึง 4,000 คน
หมุดหมายที่ชาวฮ่องกงย้ายไปอยู่มากที่สุดคือ อังกฤษ มีผู้ยื่นใบสมัครมากกว่า 140,000 คน นับจากอังกฤษประกาศมอบวีซ่าที่ปูทางไปสู่การขอสัญชาติ ตั้งแต่เดือนมกราคม 2564
อังกฤษเคยเป็นเจ้าอาณานิคมของฮ่องกงมาก่อน และเห็นว่าจีนไม่ทำตามสัญญาที่จะดำรงสิทธิเสรีภาพและอำนาจในการปกครองตนเองให้ถึง 50 ปี หลังอังกฤษส่งมอบฮ่องกงให้จีน เมื่อปี 2540
ความเกี่ยวพันระหว่างฮ่องกงกับอังกฤษในอดีต เริ่มมีความหมายมากขึ้น ตั้งแต่กลุ่มรณรงค์ประชาธิปไตยฮ่องกงถูกทางการจีนปราบปราม
ไว้อาลัยควีน-ย้ำประวัติศาสตร์
ซีเอ็นเอ็น รายงานโดยตั้งข้อสังเกต ว่า การที่ชาวฮ่องกงกว่า 2,500 คน รวมตัวกัยแสดงความอาลัยต่อสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 หน้าสถานกงสุลอังกฤษในฮ่องกง เมื่อวันที่ 12 ก.ย. มีความหมายมากกว่าการไว้อาลัยประมุขของสหราชอาณาจักร
ดอกไม้ รูปถ่าย และข้อความที่ชาวฮ่องกงเขียนไว้อาลัยขอบคุณควีน ด้วยคำว่า “นายหญิง” หรือ “ผู้นำหญิง” สื่อถึงคำที่ชาวฮ่องกงเคยใช้เรียกในยุคอาณานิคม
สำหรับบางคน นี่ไม่ใช่แค่การแสดงความอาลัยต่อพระประมุขของฮ่องกงที่ปกครองมาเป็นเวลา 45 ปี แต่ยังเป็นการประท้วงต่อจีนที่เข้ามาแทรกแซงประชาธิปไตยในฮ่องกงด้วยความรุนแรงมากยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ
ชาวฮ่องกงบางคนเห็นว่า การรวมตัวในการแสดงความอาลัยครั้งนี้ยังเป็นการประท้วงที่จีนพยายามที่จะลบประวัติศาสตร์ว่าฮ่องกงเคยเป็นอาณานิคมของสหราชอาณาจักร
ก่อนหน้านี้ หน่วยงานท้องถิ่นในฮ่องกงได้เปิดตัวหนังสือเรียนแบบใหม่ โดยในหนังสือเขียนว่า ฮ่องกงไม่เคยตกเป็นอาณานิคมของใคร และเรียกช่วงเวลาที่ปกครองโดยประเทศอังกฤษว่า “การยึดครองที่บังคับได้”
ชาวฮ่องกงวัยเกษียณแซ่อิง ให้สัมภาษณ์ซีเอ็นเอ็นว่า น่าโมโหที่รัฐบาลฮ่องกงไม่แสดงความเคารพอย่างเหมาะสมต่อสมเด็จพระราชินีนาถ เพราะมัวแต่กลัวรัฐบาลจีน ทั้งที่ฮ่องกงเคยเป็นส่วนหนึ่งของอาณานิคม
ซิลเวีย ลี กล่าวว่า รัฐบาลในช่วงยุคอาณานิคมมีส่วนสนับสนุนอย่างมากต่อการพัฒนาของฮ่องกง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุค 70 และ 80 ผู้ว่าการที่อังกฤษแต่งตั้งมา ช่วยทำให้เมืองสร้างอาคารสงเคราะห์และโครงสร้างพื้นฐานการคมนาคมขนส่ง
อดีตที่ซับซ้อน
ความผูกพันของอังกฤษกับฮ่องกงย้อนไปถึงศตวรรษที่ 19 เมื่อครั้งที่ฮ่องกงเคยตกเป็นอาณานิคมของจักรวรรดิอังกฤษ ภายหลังสงครามฝิ่น ตั้งแต่ปี 1841 อังกฤษปกครองฮ่องกงเป็นเวลา 156 ปี จนกระทั่งทางสหราชอาณาจักรส่งมอบฮ่องกงคืนให้จีนในปี 1997 ภายใต้แนวคิด 1 ประเทศ 2 ระบบ แต่สัญญาณของอิทธิพลของอังกฤษยังคงอยู่ในชื่อถนนต่าง ๆ ในเมือง และการใช้ระบบกฎหมายทั่วไปในฮ่องกง
สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 เสด็จพระราชดำเนินเยือนฮ่องกง 2 ครั้ง ขณะที่ฮ่องกงอยู่ภายใต้อาณานิคมของอังกฤษ ขณะที่พระราชโอรสซึ่งปัจจุบันคือพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ทรงเข้าร่วมในพิธีมอบอำนาจ
ถึงกระนั้นในทศวรรษ 1960 ช่วงที่อยู่ภายใต้อาณานิคม ฮ่องกงมีทั้งการจลาจล เหตุการณ์ไม่สงบ และความตึงเครียดทางสังคม ซ้ำเติมด้วยภัยพิบัติทางธรรมชาติอย่างภัยแล้งและพายุไต้ฝุ่น
อีกทั้งยังมีการประท้วงต่อต้านค่าโดยสารเรือข้ามฟากที่เพิ่มขึ้น และการเรียกร้องสิทธิแรงงานที่ดีขึ้น จนกลายเป็นการหยุดงานประท้วง และการโจมตีด้วยระเบิด ทำให้เมืองต้องหยุดชะงัก ภายหลังการประท้วง รัฐบาลอาณานิคมอังกฤษได้แนะนำการปฏิรูปสวัสดิการต่าง ๆ ซึ่งรวมถึงโครงการการเคหะ และการศึกษาภาคบังคับฟรี
เจฟฟรีย์ โหงว นักเคลื่อนไหวจากวอชิงตัน ซึ่งเกิดในช่วง 2-3 ปีสุดท้ายของอาณานิคมฮ่องกง กล่าวว่า ตอนนั้นเขายังเด็กเกินไปที่จะจำชีวิตภายใต้การปกครองของอังกฤษ แต่คนฮ่องกงรุ่นก่อน ๆ ในรัชสมัยของควีนโดยเฉพาะอย่างยิ่งการมาเยือนของพระองค์ในปี 2518 และ 2529 เต็มไปด้วยความปลาบปลื้ม
“เพราะพวกเขาเชื่อมโยงกับเสรีภาพที่ง่ายกว่าตอนนี้” โหงวกล่าวปและว่า กฎหมายที่เข้มงวดของจีนใช้เพื่อดำเนินคดีกับนักเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยในปัจจุบัน เช่น กฎหมายปลุกระดมในยุคอาณานิคม เป็นสิ่งเตือนใจว่ามรดกของอังกฤษก็มีด้านมืดเช่นกัน
….