จากเพื่อนรักกลายเป็นเพื่อนร้าว ซาอุดีอาระเบียหักหน้าสหรัฐในเรื่องน้ำมันอีกครั้ง ทั้งที่คงปริมาณส่งออกน้ำมันให้ชาติเอเชียตามเดิม
วันที่ 10 ตุลาคม 2565 สำนักข่าว รอยเตอร์ รายงานว่า บริษัท ซาอุดี อารัมโก ยักษ์ใหญ่ของวงการน้ำมันแจ้งลูกค้า 7 ชาติในเอเชีย ว่าทั้งหมดจะได้รับน้ำมันดิบปริมาณเต็มในเดือนพฤศจิกายน ก่อนช่วงพีกฤดูหนาว แม้ว่ากลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันชั้นนำของโลกและพันธมิตร หรือ โอเปกพลัส ที่รวมถึงรัสเซียประกาศลดกำลังการผลิตลง 2 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือนดังกล่าว
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- บังคับใช้แล้ว! หลักเกณฑ์การดำเนินงาน 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว
- อะไรทำให้ “ทองคำ” แพง สงคราม หรือการเก็งกำไร ?
อับดุลลาซิส บิน ซัลมาน รมว.พลังงานซาอุดีอาระเบียกล่าวว่า ปริมาณการผลิตที่ตัดลดจริงจะอยู่ที่ 1-1.1 ล้านบาร์เรลต่อวัน
นักวิเคราะห์คาดว่าซาอุดีอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และคูเวต จะเคียงบ่าเคียงไหล่กันลดปริมาณการผลิตลง เพราะสมาชิกชาติอื่น ๆ ผลิตในปริมาณที่ต่ำลงอยู่แล้ว
การเอาใจชาติเอเชียของซาอุดีอาระเบียแตกต่างกับท่าทีที่มีต่อสหรัฐอเมริกา กรณีที่โอเปกพลัสปรับลดกำลังการผลิตลง ทำให้สหรัฐกล่าวหาซาอุฯ เข้าข้างรัสเซีย ซ้ำเติมความวิตกกังวลของโลกที่มีต่อภาวะเงินเฟ้อ
ด้านซาอุฯยืนยันว่า การตัดสินใจเป็นไปตามเหตุผลทางเศรษฐกิจ ไม่ใช่การเมือง
อเดล อัล-จูไบอีร์ รัฐมนตรีแห่งรัฐด้านกิจการต่างประเทศ กล่าวกับสื่อฟ็อกซ์ นิวส์ของสหรัฐว่า ปัญหาราคาน้ำมันสูงในสหรัฐเป็นผลมาจากสหรัฐเอง
“ด้วยความเคารพ เหตุผลที่คุณเผชิญราคาน้ำมันสูงในสหรัฐอเมริกา เพราะคุณขาดแคลนการกลั่นน้ำมันที่เป็นมานานเกิน 20 ปีแล้ว คุณไม่ได้สร้างโรงกลั่นเลยในหลายทศวรรษมานี้”
รัฐมนตรีซาอุฯกล่าวด้วยว่า คนมองการเยือนซาอุดีอาระเบียของนายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐ (เมื่อเดือน ก.ค.) ผิดไป ทริปนั้นไม่ได้หยิบยกประเด็นน้ำมันมาเจรจา แต่เป็นการพบปะเชื่อมสัมพันธ์และรณรงค์สันติภาพ
สำหรับซาอุฯยึดมั่นต่อการสร้างเสถียรภาพในตลาดน้ำมัน เพื่อผลประโยชน์ต่อทั้งผู้ใช้และผู้ผลิต
ซาอุฯถูกมองเข้าข้างรัสเซีย
การตัดสินใจตัดลดปริมาณการผลิตน้ำมันลงถึง 2 ล้านบาร์เรลต่อวันในที่ประชุมกลุ่มรัฐมนตรีพลังงานของกลุ่มโอเปกพลัสที่กรุงเวียนนา สร้างความตกตะลึงให้ชาติยุโรปไม่น้อย เพราะเหมือนช่วยการเงินให้กับรัฐบาลรัสเซีย และทำให้ปูตินเอาตัวรอดจากการถูกแบน เพราะสงครามยูเครน
ก่อนหน้านี้ รัฐบาลสหรัฐพยายามป้องกันโอเปกลดกำลังการผลิต เพราะหวังจะรั้งราคาน้ำมันไม่ให้พุ่งสูงก่อนการเลือกตั้งกลางเทอม และสหรัฐยังต้องการจำกัดรายได้น้ำมันของรัสเซียในช่วงทำศึกยูเครน
แต่ความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลไบเดนกับราชวงศ์ซาอุฯกลับตึงเครียด ทั้งที่สองชาติต่างเคยเป็นมหามิตรของกันและกัน
บทวิเคราะห์ของสื่อไทมส์ออฟอินเดีย มองว่า สหรัฐกับซาอุฯคบหากันมานานกว่า 70 ปี มาจากการที่สหรัฐคุ้มกันทางทหารให้ซาอุฯ แลกกับการที่ซาอุฯ ส่งออกน้ำมันมาให้
แต่ความพยายามที่สหรัฐต้องการฟื้นนิวเคลียร์ให้ซาอุฯ เพื่อไว้ต่อกรกับอิหร่าน กลับไม่เป็นดังหวัง เพราะในสงครามเยเมนบ่งบอกว่าสหรัฐไม่ได้ช่วยคุ้มกันซาอุฯจากการโจมตีของอิหร่านตามที่หวังไว้ ความตึงเครียดของสองชาติจึงก่อตัวขึ้น
นอกจากนี้ ในด้านความสัมพันธ์ส่วนตัว เจ้าหน้าที่ซาอุฯ วิตกกับการถูกสหรัฐบูลลี่เพื่อแสดงจุดยืนในด้านใดด้านหนึ่ง
โมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมารแห่งซาอุดีอาระเบีย วัย 37 ปี ใช้เงินจากการขายน้ำมันไปหลายพันล้านดอลลาร์ เพื่อผลักดันภารกิจนำให้ซาอุดีอาระเบียเป็นประเทศมหาอำนาจแห่งศตวรรษที่ 21
แม้ผ่านพ้นคดีที่ถูกครหาว่าอยู่เบื้องหลังการสังหารนายจามาล คาช็อกกี นักข่าวอิสระชาวซาอุฯ ภายในอาคารสถานกงสุลซาอุฯ ประจำนครอิสตันบูล ตุรกี มานาน 4 ปีแล้ว แต่ดูเหมือนความตั้งใจยกระดับซาอุฯ ไม่ได้ลดน้อยลงเลย