เพชรรัสเซีย ยังเลอค่าที่เบลเยียม รอดพ้นมาตรการดุดันยุโรปได้อย่างไร

Diamonds in a laboratory in Antwerp, Belgium. (Photo by DeAgostini/Getty Images)

แม้ยุโรปจะแบนสินค้ารัสเซียมากมาย แต่เพชรรัสเซียยังคงปรากฏอยู่ในตลาดเพชรแห่งสำคัญของยุโรป ที่เบลเยียม ด้วยเหตุผลที่ยากยิ่ง

วันที่ 22 พฤศจิกายน 2565 เดอะ การ์เดียน รายงานถึงธุรกิจเพชรล้ำค่าของเบลเยียมที่ถูกจับจ้องว่ายังไม่แบนเพชรจากรัสเซีย แม้ว่าจะนำเข้าด้วยปริมาณที่ลดลงมากก็ตาม

ถึงวันนี้เมืองแอนต์เวิร์ป (Antwerp) ศูนย์กลางเพชรชั้นนำของเบลเยียม ยังครองตลาดกว่า 86% ของโลก มีเพชรจาก บอตสวานา แคนาดา แอฟริกาใต้ แองโกลา รวมถึงรัสเซีย ผ่านเข้าออกอยู่ทุกวัน

แม้สหภาพยุโรป หรืออียู ระงับการซื้อสินค้ารัสเซียจำนวนมาก ไม่ว่าทองคำ คาเวียร์ และวอดก้า ส่วนสหรัฐอเมริกาแบนการรับซื้อเพชรจากรัสเซีย แต่เบลเยียมที่เป็นสมาชิกอียูยังไม่ได้ตัดขาด

เมื่อเดือนมีนาคม ประธานาธิบดียูเครน โวโลดิมีร์ เซเลนสกี แถลงต่อรัฐสภาเบลเยียมว่า การค้าเพชรยังคงดำเนินต่อไปแม้จะมีแรงกดดันทางศีลธรรม และว่าสันติภาพควรมีค่ามากกว่าเพชรใด ๆ

เพชรรัสเซีย
FILE PHOTO: REUTERS/Maxim Shemetov/File Photo

ชงให้คว่ำบาตร-สุดท้ายหลุด

แม้ว่าปัจจัยรอบด้านของกิจการเพชรรัสเซียจะง่ายต่อการถูกคว่ำบาตร ไม่ว่า การถือครองกิจการโดยบริษัท อัลโรซา Alrosa ที่ควบคุมโดยรัฐบาลรัสเซีย และอัลโรซายังครองหุ้น 66% ในกิจการเหมืองที่ยาคูเตีย แถบไซบีเรีย ร่วมกับรัฐบาลรัสเซีย

ไปจนถึงการที่นายเซอร์เก เซอร์กีวิช อิมานอฟ มหาเศรษฐีรัสเซียที่ถูกสหรัฐอเมริกาขึ้นบัญชีดำ พร้อมกับพ่อ คือนายเซอร์เก บอริโซวิช อิมานอฟ รมว.กลาโหมรัสเซียที่เป็นพันธมิตรคนสนิทที่สุดคนหนึ่งของประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน

ไม่เท่านั้น การที่บริษัทอัลโรซาให้ทุนกับเรือดำน้ำ B-871 จนมีชื่อเรือว่า Alrosa อัพเกรดจนเป็นเรือรบติดขีปนาวุธนำวิถี Kalibr ก็ยิ่งชัดว่าเข้าข่ายต้องถูกอียูแซงก์ชั่น

เรือดำน้ำ b-871 alrosa / kchf.ru

แต่เมื่ออียูอนุมัติมาตรการแซงก์ชั่นบริษัทต่าง ๆ ของรัสเซียแล้ว ชื่ออัลโรซา กลับหายไปจากบัญชีดำอีกเป็นครั้งที่สอง และยังหายไปในนาทีสุดท้าย เผยให้เห็นถึงจุดอ่อนในความสามัคคีของสหภาพยุโรป

เพชรยิ่งล้ำค่าในยุคดิจิทัล

ตามข้อมูลของสมาคมการค้า Antwerp World Diamond Center ระบุว่า เมืองแอนต์เวิร์ปค้าขายเพชรมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 15 โดยมีบริษัทประมาณ 1,700 แห่ง และตัวแทนจำหน่าย 4,500 ราย ขณะนี้กำลังเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงจากอินเดียและตะวันออกกลาง

ปี 1919 มาร์เซล ตอลคอฟสกี นักคณิตศาสตร์และนักอัญมณีศาสตร์ชาวเบลเยียมเป็นผู้บุกเบิกการเจียระไน 57 เหลี่ยม ที่นำไปสู่แหวนหมั้น จี้ และเครื่องประดับเล็ก ๆ น้อย ๆ ทั่วโลก

ปัจจุบันอุตสาหกรรมค้าเพชรกลายเป็นดิจิทัลมากขึ้น คนวงในกล่าวว่า ไม่มีอะไรทดแทนการดูเพชรดิบภายใต้กล้องจุลทรรศน์เพื่อตัดสินคุณค่าของมัน

ตามสถิติจากธนาคารแห่งชาติของเบลเยียม ก่อนหน้าที่จะเกิดสงครามยูเครน 25% ของเพชรดิบที่ผ่านเมืองแอนต์เวิร์ปมาจากรัสเซีย

ปี 2021 เบลเยียมนำเข้าเพชรรัสเซียมูลค่า 1,800 ล้านยูโร และ 1,200 ล้านยูโรในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2022 โดยเพิ่มขึ้นอย่างมากในเดือนมิถุนายนเป็น 393.8 ล้านยูโร

จากนั้นหลังสงครามจึงตกลงอย่างรวดเร็วในเดือนสิงหาคม 2022 เบลเยียมนำเข้าเพชรรัสเซีย 35.9 ล้านยูโร เทียบกับ 215.4 ล้านยูโรในเดือนเดียวกันในปี 2021 ซึ่งลดลง 83% เมื่อเทียบเป็นรายปี

ถ้าแบนเพชรรัสเซียจะเจ็บเอง?

ทอม นีย์ โฆษกของ Antwerp World Diamond Centre (AWDC) กล่าวว่า การเพิ่มขึ้นของราคาเพชรในเดือนมิถุนายนสะท้อนถึงข้อตกลงเพชรที่ “ปิดไปแล้วก่อนที่สงครามจะเริ่มต้นขึ้น” ทันทีที่ความขัดแย้งเริ่มขึ้น อุตสาหกรรมก็ตกอยู่ในความไม่แน่นอน ทำให้การค้าหลายล้านรายการลอยอยู่ในอากาศ

“เป็นเวลาสามเดือน ข้อตกลงที่ทำขึ้นทั้งหมดเป็นไปตามกฎที่เปลี่ยนแปลงในสหรัฐและยุโรปหรือไม่ พวกเขาต้องหาวิธีแก้ปัญหาด้านการขนส่งอยู่เสมอ แม้ว่าการค้าเพชรจะตกต่ำลงอย่างมากตั้งแต่เดือนมิถุนายน

แต่นีย์ก็ปฏิเสธคำสั่งห้ามนำเข้า พร้อมยืนยันว่าแอนต์เวิร์ปต้องยังคงเป็นประตูเปิดสำหรับบริษัทที่ไม่มีทางเลือก

“สำหรับเรา สิ่งที่สำคัญที่สุดคือบริษัทเหล่านี้มีโอกาสที่จะปรับตัวเข้ากับตลาดใหม่ บริษัทขนาดใหญ่มีทางเลือกอื่นแทนเพชรรัสเซีย แต่สำหรับผู้ค้ารายย่อยนี่เป็นเรื่องยากมาก ถ้าอย่างนั้นคุณจะถูกบีบให้ตายหากไม่มีทางเลือกอื่น อุตสาหกรรมเฉพาะบางกลุ่มไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเพชรรัสเซีย” นีย์กล่าวเสริม

AWDC อ้างว่างาน 10,000 ตำแหน่งมีความเสี่ยงจากการหยุดนำเข้าเพชรรัสเซีย โดยทางตรง 4,000 ตำแหน่ง และทางอ้อม 6,000 ตำแหน่ง

อย่างไรก็ตาม ฟิลลิป รีย์ไนเออร์ ผู้อำนวยการ International Peace Information Service สถาบันวิจัยในแอนต์เวิร์ป มองว่าตัวเลขเหล่านี้ “ล้าสมัยและเกินจริง” เป็นการศึกษาข้อมูลเก่ามา 12 ปีแล้ว

นักการทูตอาวุโสของสหภาพยุโรป กล่าวว่า เบลเยียมหลีกหนีจากการแบนเพชรรัสเซีย แม้รัฐบาลจะยืนยันว่าไม่เคยเข้าไปขัดขวางการแบนเลย แต่กลับมีการอ้างถึงความเสี่ยงที่คนจะตกงาน จนบางประเทศเห็นอกเห็นใจต่อข้อโต้แย้งนี้ ว่าการห้ามซื้อขายเพชรกับรัสเซียจะทำให้รัสเซียหันไปซื้อขายกับอินเดียแทน

เพชรรัสเซีย
Алроса / Tass

4 หมื่นล้านยูโรจะหายไป

ทอม นีย์ โฆษกของ Antwerp World Diamond Centre (AWDC) กล่าวว่า การแบนเพชรรัสเซียมีแต่จะกระตุ้นให้ผู้ค้าเพชรย้ายออกจากแอนต์เวิร์ปเพื่อไปยังตะวันออกกลางและอินเดีย ส่งผลให้เสี่ยงที่จะสูญเสียรายได้กว่า 4 หมื่นล้านยูโร หรือเกือบ 1.5 แสนล้านบาท รวมถึงตะวันออกกลางและอินเดียจะกลายเป็นศูนย์กลางการค้าเพชรที่ใหญ่ที่สุดในโลกแทน

“เป็นความคิดที่ดีหรือไม่ที่จะทำร้ายตัวเองในลักษณะที่จะทำลายเศรษฐกิจของเราเอง เพื่ออะไร-เพื่อมอบให้กับประเทศที่ไม่มีปัญหา หรือไม่มีปัญหาในการจัดการกับรัสเซียในปัจจุบันอย่างนั้นหรือ คุณกำลังให้รางวัลแก่ประเทศที่ทำในสิ่งที่ตรงกันข้ามกับสิ่งที่คุณต้องการให้ทำ” นีย์กล่าวเสริม

ด้านโฆษกของนายกรัฐมนตรีเบลเยียม พยายามชี้ให้เห็นว่า การนำเข้าเพชรของรัสเซียที่ลดลงอย่างมากตั้งแต่เดือนมิถุนายนว่า และกำลังประเมินความเป็นไปได้ที่จะทำให้การซื้อขายลดลงจนเหลือศูนย์ แต่จำเป็นต้องเกิดขึ้นผ่านแนวทางร่วมกัน

“หากเราจริงจังกับการยุติการไหลเวียนของเงินไปยังรัสเซีย สิ่งนี้จะสำเร็จได้ก็ต่อเมื่อเราหยุดการซื้อและขายเพชรเจียระไน ไม่ใช่แค่การค้าเพชรดิบเท่านั้น นั่นคือสิ่งที่ต้องตัดสินใจร่วมกับผู้ที่เป็นตัวแทนของตลาดค้าปลีกรายใหญ่”

Tatyana Makeyeva / Reuters

แยกธุรกิจจากสงคราม?

โฆษกคณะกรรมาธิการยุโรปปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับกรณีที่อัลโรซาหลุดจากการคว่ำบาตรครั้งก่อน กล่าวเพียงว่า หากจะมีการพิจารณาแซงก์ชั่นครั้งใหม่ ก็จะต้องกระทำโดยรัฐสมาชิกในสภา ผ่านความเห็นเป็นเอกฉันท์ และการหารือเป็นความลับ

ย้อนกลับไปในแอนต์เวิร์ป ปีเตอร์ ปูเซไนเออร์ ผู้ค้าเพชรรายหนึ่งแย้งว่า การค้าเพชรมีการควบคุมอย่างเข้มงวดอยู่แล้ว ซึ่งตอนนี้พยายามทุกวิถีทางในการตรวจสอบแหล่งที่มาและจริยธรรมของการจัดหาอย่างคร่าว ๆ โดยอยู่ภายใต้การตรวจสอบข้อเท็จจริงมากกว่าอุตสาหกรรมอื่น ๆ

ผู้ค้าเพชรอีกรายกล่าวว่า ไม่ทราบที่มาที่แท้จริงของเพชร ไม่ว่าเพชรนั้นจะมาจากรัสเซียหรือที่อื่น ๆ จะไม่มีทางรู้ได้เลย แม้ว่าการห้ามค้าขายเพชรจากรัสเซียจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจของเขา แต่เขาก็ไม่สามารถสนับสนุนการเคลื่อนไหวที่เขาคิดว่าจะเป็นอันตรายต่อผู้ค้าของแอนต์เวิร์ป

“ธุรกิจก็คือธุรกิจ สงครามก็คือสงคราม ผมไม่ชอบยุ่งเกี่ยวกับใคร”

……