จีนรุกเขี่ยทิ้งไอทีต่างชาติ หนุนบริษัทเทคในประเทศสวมแทน

จีน

ความขัดแย้งระหว่างจีนกับสหรัฐอเมริกาโดยเฉพาะในภาคเทคโนโลยี ส่งผลให้ “จีน” ต้องหันมาพึ่งพาตนเองทางด้านเทคโนโลยีมากขึ้น นำมาซึ่งการสนับสนุนการพัฒนาและการจัดหาเทคโนโลยีจากผู้ผลิตในประเทศที่กำลังขยายตัว

นิกเคอิ เอเชีย รายงานว่า แรงผลักดันของรัฐบาลจีนที่ต้องการให้หน่วยงานภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ และเอกชน เร่งพัฒนาขีดความสามารถด้านเทคโนโลยี รวมถึงการจัดซื้อและใช้อุปกรณ์ไอทีสัญชาติจีนกำลังก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทจีนเริ่มเปลี่ยนมาใช้เทคโนโลยีผลิตและพัฒนาโดยบริษัทในประเทศมากขึ้น

“ทราเวลสกาย เทคโนโลยี” ยักษ์ผู้ให้บริการข้อมูลการเดินทางของจีน เป็นหนึ่งในบริษัทที่พยายามลดการพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างประเทศ ซึ่งเมื่อเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา ได้เปิดประมูลจัดซื้ออุปกรณ์ไอทีและระบบคลาวด์จากบริษัทจีน ซึ่งมีผู้สนใจเข้าร่วมประมูลหลายราย รวมทั้ง “หัวเว่ย เทคโนโลยีส์”

ขณะที่ยักษ์โทรคมนาคมจีน อย่าง ไชน่า เทเลคอม, ไชน่า โมบาย และไชน่า ยูนิคอม ก็เร่งเพิ่มการจัดซื้อเซิร์ฟเวอร์คอมพิวเตอร์ที่ผลิตด้วยชิปจีน โดยตั้งแต่ปี 2020 ถึงปัจจุบันมีการจัดซื้อไปแล้วกว่า 200,000 เซิร์ฟเวอร์ คิดเป็นกว่า 1 ใน 3 ของการจัดซื้ออุปกรณ์ใหม่

รัฐบาลจีนส่งเสริมการจัดหาและใช้งานอุปกรณ์ไอทีจากผู้ผลิตในประเทศต่อเนื่อง หลังจากที่ความขัดแย้งกับสหรัฐทวีความตึงเครียด และมีการใช้มาตรการแซงก์ชั่นด้านเทคโนโลยีต่อจีนหลายระลอก โดยเฉพาะที่มีการปิดกั้นจีนต่อการเข้าถึงเทคโนโลยีการผลิตชิปขั้นสูงของสหรัฐ ส่งผลให้บริษัทจีนเห็นความจำเป็นต้องลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาเทคโนโลยีต่างประเทศ

ขณะที่บริษัทเทคจีนหลายรายเร่งพัฒนาขีดความสามารถให้ทัดเทียมบริษัทต่างชาติ อาทิ การพัฒนาระบบคลาวด์โดย “อาลีบาบา คลาวด์” ตั้งเป้าแข่งขันกับ “อะเมซอน เว็บ เซอร์วิส” หรือการพัฒนาออกแบบซีพียู โดย “หลงซัน” ที่ตั้งเป้าแข่งกับยักษ์ใหญ่อย่าง “อินเทล” และ “เอเอ็มดี”

รวมทั้งการพัฒนาซอฟต์แวร์ระบบปฏิบัติการสัญชาติจีน “ไคลิน” ให้มีศักยภาพเทียบเท่า “ไมโครซอฟท์ วินโดวส์” รวมถึงการพัฒนา “คิงซอฟต์ ออฟฟิศ” ซึ่งมีการทำงานคล้ายกับ “ไมโครซอฟท์ ออฟฟิศ 365”

“ซู เฮา” ผู้จัดการหน่วยธุรกิจคลาวด์ของคิงดี อินเตอร์เนชั่นแนล ซอฟต์แวร์ กรุ๊ป ผู้พัฒนาซอฟต์แวร์รายใหญ่ของจีน เปิดเผยว่า การแซงก์ชั่นของสหรัฐทำให้บริษัทได้รับคำสั่งซื้อมากขึ้นทั้งจากหน่วยงานรัฐและธุรกิจรายใหญ่ รวมทั้ง “หัวเว่ย” ก็มาใช้ซอฟต์แวร์ระบบทรัพยากรบุคคลของคิงดีฯ หลังจากที่ถูกขึ้นบัญชีดำห้ามทำการค้ากับบริษัทอเมริกัน

สมาคมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์จีน (CSIA) ประเมินว่า สิ้นปีนี้อุตสาหกรรมไอทีจีนจะมีมูลค่าถึง 922,000 ล้านหยวน เติบโตราว 35.7% และคาดว่าจะมีมูลค่าถึง 2 ล้านล้านหยวนภายในปี 2025 ซึ่งเป็นผลจากการส่งเสริมการใช้ผลิตภัณฑ์และบริการไอทีจีนที่ขยายไปสู่เอกชน ตั้งแต่ภาคการเงิน พลังงาน โทรคมนาคม การศึกษา และสาธารณสุข

นอกจากนี้ช่วงที่ผ่านมาธนาคารกลางจีนยังได้เปิดตัวสินเชื่อพิเศษ วงเงินกว่า 200,000 ล้านหยวน เพื่อส่งเสริมการจัดซื้อหรืออัพเกรดอุปกรณ์ไอทีีจากผู้ผลิตและผู้พัฒนาในประเทศมากขึ้น

ทั้งนี้อุตสาหกรรมไอทีของจีนยังคงมีส่วนแบ่งการตลาดตามหลังคู่แข่งระดับโลกอย่างสหรัฐมาก ปัจจัยที่จะช่วยอุตสาหกรรมไอทีจีนเติบโตได้คือการสร้างซัพพลายเชนระหว่างประเทศ ซึ่งอาจไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับจีนท่ามกลางความขัดแย้งที่ยังคงคุกรุ่นอยู่ขณะนี้