กูรูเตือนหลีกเลี่ยง หุ้นมะกัน คาด เฟด ตรึงดอกเบี้ยสูงและนาน

หุ้น อเมริกา
คอลัมน์ : ชีพจรเศรษฐกิจโลก
ผู้เขียน : นงนุช สิงหเดชะ

ไม่ผิดความคาดหมายสำหรับผลการประชุมของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา (เฟด) วันที่ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เมื่อคณะกรรมการมีมติปรับขึ้นดอกเบี้ยเพียง 0.25% ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายขยับขึ้นไปอยู่ในช่วง 4.5 ถึง 4.75% สูงที่สุดนับจากเดือนตุลาคม 2007 นับเป็นการขึ้นดอกเบี้ยครั้งที่ 8 ติดต่อกัน ซึ่งดำเนินมาตั้งแต่เดือนมีนาคม 2022 เพื่อควบคุมเงินเฟ้อ

การปรับขึ้นดอกเบี้ยเพียง 0.25% เป็นไปตามที่ตลาดส่วนใหญ่คาดหวัง โดยก่อนหน้านี้นักลงทุนมั่นใจเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าเฟดจะขี้นดอกเบี้ยในอัตราดังกล่าว อย่างไรก็ตามสิ่งที่นักลงทุนจับจ้องในครั้งนี้ก็คือเฟดจะส่งสัญญาณว่าจะยุติการขึ้นดอกเบี้ยในเร็ว ๆ นี้หรือไม่ แต่ไม่พบสัญญาณ ดังกล่าว เนื่องจากเนื้อหาในแถลงการณ์ยังคงยืนกรานจุดยืนเดิมคือมุ่งเน้นการควบคุมเงินเฟ้อต่อไป จึงทำให้ในตอนแรกดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงมากกว่า 300 จุด

อย่างไรก็ตามหลังจาก “เจอโรม พาวเวลล์” ประธานเฟด แถลงต่อสื่อมวลชนหลังการประชุม ก็สามารถทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐพลิกฟื้นขึ้นมาอยู่แดนบวกเมื่อปิดตลาด โดยแนสแดกพุ่งขึ้นมากที่สุด 2% เนื่องจากประธานเฟดระบุว่ามีความก้าวหน้าในการต่อสู้กับเงินเฟ้อ และยอมรับว่ากระบวนการที่เงินเฟ้อชะลอตัวลง (disinflationary) ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว ถือเป็นครั้งแรกที่เฟดยอมรับอย่างชัดเจนว่าเงินเฟ้อชะลอลง

“ตอนนี้สามารถพูดได้ว่า เป็นครั้งแรกที่การชะลอลงของเงินเฟ้อได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว ข้อมูลเงินเฟ้อในช่วง 3 เดือนที่แล้ว แสดงให้เห็นการลดลงรายเดือนอย่างน่ายินดี อย่างไรก็ตามเร็วเกินไปที่จะประกาศชัยชนะ เพราะยังจำเป็นต้องมีหลักฐานมากกว่านี้เพื่อให้มั่นใจว่าเงินเฟ้อจะลดลงอย่างยั่งยืน” ประธานเฟดระบุ

ทั้งนี้ในปี 2022 เฟดขึ้นดอกเบี้ยในอัตราสูงผิดปกติ 0.75% ติดต่อกัน 4 ครั้ง ก่อนจะลดลงเหลือ 0.5% ในเดือนธันวาคม

“วิตนีย์ วัตสัน” รองประธานโกลด์แมน แซกส์ แอสเสท แมเนจเมนต์ กล่าวว่า ประเด็นสำคัญที่ได้จากการประชุมเฟดครั้งนี้ ก็คือ เฟดเปลี่ยนท่าทีอย่างกะทันหันจากปัญหาเงินเฟ้อสูงไปสู่การเติบโตทางเศรษฐกิจที่ชะลอลง บริษัทเชื่อว่าความสัมพันธ์ระหว่างผลตอบแทนพันธบัตรกับสินทรัพย์เสี่ยงจะเป็นบวกน้อยลง และบางทีอาจกำลังเข้าสู่แดนลบ ดังนั้นตอนนี้จึงเป็นโอกาสเหมาะที่สุดที่จะลงทุนในตราสารหนี้

ด้าน คริส แซคคาเรลลี ประธานเจ้าหน้าที่ลงทุนของอินดิเพนเดนต์ แอดไวเซอร์ อัลไลแอนซ์ ระบุว่า ตลาดหุ้นที่ขยับขึ้นคึกคักหลังทราบผลการประชุมเฟด อาจเปลี่ยนทิศทางก็ได้ หากนักลงทุนเริ่มตระหนักว่า เฟดจะยังตรึงดอกเบี้ยในอัตราสูงเป็นระยะเวลาหนึ่ง อย่างน้อยก็ในอนาคตที่มองเห็นได้

“เมื่อนักลงทุนเริ่มตระหนักว่าเฟดซีเรียสที่จะตรึงดอกเบี้ยในระดับสูง และเศรษฐกิจเริ่มถดถอยพวกเขาก็จะเทขายหุ้น อย่างไรก็ตามความตระหนักดังกล่าวจะเกิดขึ้นล่าช้า โดยกว่าจะตระหนักก็คงจะเป็นสิ้นปีนี้หรือไม่ก็ต้นปีหน้า” แซคคาเรลลีกล่าวและว่า บริษัทประเมินว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะถดถอย

ไมค์ วิลสัน ประธานเจ้าหน้าที่ลงทุนของ มอร์แกน สแตนลีย์ ชี้ว่า เฟดจะมีความหนักแน่นในการตรึงอัตราดอกเบี้ยในระดับสูงเป็นเวลานาน เนื่องจากไม่มีแรงจูงใจอะไรเลยที่จะลดดอกเบี้ยเมื่อพิจารณาจากการที่ตลาดแรงงานยังแข็งแกร่ง ประกอบกับจีนเปิดประเทศจะเป็นแรงส่งให้กับเงินเฟ้อ ขณะเดียวกันผลประกอบการของบริษัทต่าง ๆ จะลดลง ซึ่งในมุมมองของบริษัทเห็นว่าพื้นฐานของตลาดหุ้นกำลังแย่ลงอย่างชัดเจน


วิลสันเห็นว่า การที่ตลาดหุ้นวิ่งขึ้นหลังทราบผลการประชุมเฟดเป็นการมองแง่ดีเกินไป นักลงทุนควรหลีกเลี่ยงการลงทุนหุ้นสหรัฐ จนกว่ารายได้หรือผลกำไรของบริษัทต่าง ๆ จะสะท้อนความจริงหรือใกล้เคียงความจริงและมูลค่าลดลงไป ทั้งนี้แม้ในเดือนมกราคมตลาดหุ้นจะขยับขึ้นไปมาก เช่น เอสแอนด์พี 500 ขยับขึ้นมากกว่า 6% แต่เชื่อว่าจะปรับลงได้อีกประมาณ 25% ไปสู่ระดับ 3,000 จุด ในครึ่งแรกของปีนี้ ก่อนจะดีดกลับมาที่ 3,900 จุด ช่วงสิ้นปี หากใครซื้อในตอนนี้ถือว่ากำลังเดินเข้าสู่กับดักของตลาดหมี เพราะเป็นราคาที่สูงกว่าปัจจัยพื้นฐาน