แอปเปิล ย้ายฐานไม่ง่าย สะดุดมาตรฐานผลิตของอินเดีย

“แอปเปิล” ย้ายฐาน

ด้วยหลายปัญหาในจีน ทั้งการล็อกดาวน์โควิด-19 และความตึงเครียดกับสหรัฐอเมริกา ทำให้ปีที่ผ่านมา “แอปเปิล” มีแผนลดการพึ่งพาการผลิตในจีน และมุ่งมั่นใช้อินเดียเป็นฐานการผลิตแห่งใหม่ แม้ว่าแอปเปิลเริ่มผลิตไอโฟนบางรุ่นใน “อินเดีย” มาตั้งแต่ปี 2017 แต่ก็ยังถือว่าอยู่ในช่วงเริ่มต้น และมีอุปสรรคมากมายที่สร้างความท้าทายให้กับยักษ์เทคโนโลยีแห่งนี้

ไฟแนนเชียลไทมส์รายงานว่า แอปเปิลกำลังเผชิญอุปสรรคหลายด้านในการเพิ่มกำลังการผลิตไอโฟนใน “อินเดีย” ตามแผนการกระจายการผลิตออกจากจีน ไม่ว่าจะเป็นด้านคุณภาพชิ้นส่วนที่ได้รับจากซัพพลายเออร์อินเดีย ปัญหาด้านการขนส่ง และโครงสร้างพื้นฐาน

ปัจจุบันแอปเปิลได้ส่งตัวนักออกแบบผลิตภัณฑ์และวิศวกรจากแคลิฟอร์เนียและจีนไปยังศูนย์การผลิตทางตอนใต้ของอินเดียมากขึ้น เพื่อควบคุมการผลิตและฝึกอบรมแรงงานท้องถิ่นในโรงงาน ให้สามารถผลิตส่วนประกอบที่ได้มาตรฐานตามความต้องการของบริษัท

แต่การผลิตชิ้นส่วนอุปกรณ์ของแอปเปิลในอินเดียยังคงมีปัญหา อย่างโรงงานผลิตเคสไอโฟนที่เมืองโฮเซอร์ ในรัฐทมิฬนาฑู ซึ่งดำเนินการโดยกลุ่มบริษัททาทา พบว่า เกือบ 50% ของผลผลิตยัง
ไม่ได้ตามมาตรฐานของแอปเปิล ที่ต้องการให้มีข้อบกพร่องเป็นศูนย์

นอกจากนี้ การดำเนินงานในอินเดียยังต้องเผชิญกับปัญหาโครงสร้างพื้นฐาน วิศวกรที่พักอาศัยอยู่ห่างจากโรงงาน ซึ่งใช้เวลาในเดินทางตามปกติ 2 ชม./วัน และอาจต้องใช้เวลาเดินทางเพิ่มขึ้นเป็น 4 ชม./วัน เนื่องจากปัญหาการจราจร ขณะที่การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตยังไม่ครอบคลุมในหลายพื้นที่

“มาร์ก เซตเตอร์” ประธานของบริษัทที่ปรึกษา “เวนเจอร์ เอาต์ซอร์ซ” ระบุว่า จากการวิจัยให้กับเกตเวย์เฮาส์ หน่วยงานคลังสมองของอินเดีย พบว่า ซัพพลายเออร์ในอินเดียมีแนวโน้มที่จะตอบสนองข้อกังวลของลูกค้าช้าลง หลังจากลงนามในข้อตกลงแล้ว และยังขาดความยืดหยุ่นในการรับมือกับความเปลี่ยนแปลง

ซีเอ็นเอ็นรายงานว่า แอปเปิลยังต้องเผชิญความท้าทายในการสร้างศูนย์การผลิตในอินเดียต่างจากประสบการณ์ในเสิ่นเจิ้นของจีน “วิลลี่ ชิห์” ผู้เชี่ยวชาญจากโรงเรียนธุรกิจฮาร์วาร์ดระบุว่า อินเดียยังขาดโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นต่อการ
ขนส่งสินค้าที่มีประสิทธิภาพ ทั้งทางหลวง ท่าเรือ หรือการเชื่อมต่ออื่น ๆ

รวมทั้งการเข้าถึงที่ดินและทรัพยากรยังเป็นเรื่องยากลำบาก จากระบบราชการของอินเดีย ต่างจากรูปแบบการปกครองของจีนที่มีอุปสรรคน้อยกว่า อีกทั้งซัพพลายเออร์และเจ้าหน้าที่ของจีนยังพร้อมจะดำเนินการอย่างเร่งด่วน เพื่อรักษาคำสั่งซื้อและการลงทุนจากต่างชาติอย่างแอปเปิล

อย่างไรก็ตาม อินเดียยังคงเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพ บริษัทที่ปรึกษาอย่าง “เบน แอนด์ คอมพานี” ชี้ว่า การผลิตเพื่อการส่งออกของอินเดียมีโอกาสเติบโตเป็นเท่าตัว จาก 418,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2022 เป็นกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2028 ซึ่งเป็นผลมาจากการสนับสนุนนโยบายและต้นทุนการผลิตต่ำ

อีกทั้งภาคธุรกิจของอินเดียอย่าง “ทาทา” ยังมีแผนทะเยอทะยานจะเป็นซัพพลายเออร์ผู้ให้บริการเต็มรูปแบบแก่แอปเปิลเช่นเดียว กับ “ฟ็อกซ์คอนน์” ซัพพลายเออร์รายใหญ่ของแอปเปิล ซึ่งขณะนี้ทาทาได้เจรจาเข้าซื้อโรงงานประกอบไอโฟนนอกเมืองบังคาลอร์ของ “วิสตรอน” (Wistron) เพื่อพุ่งเป้าเป็นคู่แข่งของ “ฟ็อกซ์คอนน์”

“วิเวก วัดห์วา” นักวิชาการด้านเทคโนโลยีที่ซิลิคอนแวลลีย์ชี้ว่า “รัฐบาลอินเดียกำลังดึงดูดอุตสาหกรรมเข้ามาเช่นเดียวกันกับที่จีนทำ แต่ตอนนี้ยังเป็นระยะตั้งไข่ แอปเปิลกำลังลงหลักปักฐานและเรียนรู้ว่าอะไรทำได้และอะไรทำไม่ได้ ให้เวลาอีก 3 ปีแล้วเราจะได้เห็นการขยายตัว”