
การเยือนรัสเซียของสี จิ้นผิง (Xi Jinping) ประธานาธิบดีจีน ลุล่วงผ่านช่วงเวลาสำคัญไปแล้ว นั่นคือการเจรจาหารือกันอย่างเป็นทางการ ในวันอังคารที่ 21 มีนาคม 2566 ณ ทำเนียบเครมลิน
ในช่วงก่อนเที่ยงเป็นการประชุมหารือระหว่างสี จิ้นผิง และทีมงาน กับรัฐบาลรัสเซีย นำโดย มิคาอิล มิชูสติน (Mikhail Mishustin) นายกรัฐมนตรีรัสเซีย แล้วช่วงบ่ายการเจรจาระดับผู้นำสูงสุดระหว่าง “เพื่อนรัก” สี จิ้นผิง กับวลาดิมีร์ ปูติน (Vladimir Putin) ประธานาธิบดีรัสเซีย ที่จบลงด้วยการออกแถลงการณ์ร่วม แล้วชนแก้วแชมเปญกันอย่างชื่นมื่นในช่วงค่ำ
- เซ็นทรัลลดราคาครั้งใหญ่สูงสุด 80% ทั้งศูนย์-ห้าง-ออนไลน์ ยาว 2 เดือน
- อ.เจษฎา เฉลยแล้ว แมวตกตึกชั้น 6 รอดมาได้ เกิดจากสาเหตุอะไร
- LH Bank ออก 2 แคมเปญเงินฝาก ออมสั้นรับดอกเบี้ยสูง
Reuters รายงานในช่วงสายของวันที่ 22 มีนาคม 2566 ตามเวลาท้องถิ่นกรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย ซึ่งตรงกับช่วงบ่ายตามเวลาประเทศไทยว่า สี จิ้นผิง เดินทางออกจากรัสเซียแล้ว และรายงานถึงบรรยากาศการร่ำลาของผู้นำทั้งสองประเทศว่า สี จิ้นผิงบอกกับปูตินว่า “ตอนนี้มีความเปลี่ยนแปลงที่ไม่เคยเกิดขึ้นในรอบ 100 ปี เมื่อเราร่วมมือกัน เราจะขับเคลื่อนความเปลี่ยนแปลงเหล่านั้น” ส่วนปูตินตอบว่า “ผมเห็นด้วย” แล้วสี จิ้นผิง ก็ร่ำลาด้วยประโยคว่า “ดูแลตัวเองดี ๆ นะเพื่อนรัก”
สี จิ้นผิง ไปรัสเซียทำไม ผลประโยชน์ใดที่จีนต้องการ และเขาหารืออะไรกับวลาดิมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซียบ้าง “ประชาชาติธุรกิจ” สรุปออกมาเป็น 7 หัวข้อ ดังนี้

1.คุยเรื่องสงครามในยูเครน
เป็นไปตามที่คาดว่าจะมีการหารือเรื่องแผนสันติภาพเพื่อยุติสงครามในยูเครนที่จีนเสนอก่อนหน้านี้
วลาดิมีร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย บอกตั้งแต่วันแรกที่ต้อนรับและทักทายกันว่า รัสเซียพิจารณาข้อเสนอของจีนด้วยความให้เกียรติ
ส่วนการหารืออย่างเป็นทางการในวันอังคารที่ 21 มีนาคม สี จิ้นผิง ได้ย้ำจุดยืน “เป็นกลาง” ของจีน และเรียกร้องให้มีการเจรจาสันติภาพ
ในแถลงการณ์ร่วมของจีนกับรัสเซีย ระบุว่า รัสเซียยินดีที่จีนแสดงบทบาทเชิงบวก โดยการเสนอแผนการเจรจาสันติภาพ ทั้งสองฝ่ายทราบว่าการแก้ไขวิกฤตยูเครนจำเป็นต้องเคารพข้อกังวลที่ชอบด้วยกฎหมายของทุกประเทศในด้านความมั่นคง ป้องกันการก่อตัวของการเผชิญหน้าของกลุ่ม และยุติการกระทำที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง
ทั้งสองฝ่ายเน้นย้ำว่าการเจรจาอย่างมีความรับผิดชอบเป็นวิธีที่ดีที่สุดสำหรับการแก้ไขวิกฤตยูเครนอย่างยั่งยืน และประชาคมระหว่างประเทศควรสนับสนุนความพยายามในเรื่องนี้
และทั้งสองฝ่ายเรียกร้องให้ยุติการดำเนินการใด ๆ ที่นำไปสู่การเพิ่มความตึงเครียดและยืดเยื้อ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้วิกฤตเลวร้ายลงอีกจนถึงจุดที่อาจข้ามไปสู่ระยะที่ควบคุมไม่ได้
วลาดิมีร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซียกล่าวหลังหารือกับสี จิ้นผิง ในวันอังคารว่า ข้อเสนอของจีนนั้นสอดคล้องกับแนวทางของรัสเซีย และสามารถใช้เป็นพื้นฐานของข้อตกลงสันติภาพได้ แต่ชาติตะวันตกและรัฐบาลยูเครนยังไม่พร้อมที่จะเจรจา
ทั้งนี้ แผนสันติภาพ 12 ข้อที่จีนเสนอนั้นเรียกร้องให้ลดความตึงเครียดและเรียกร้องการหยุดยิงในยูเครน แต่ขาดรายละเอียดเกี่ยวกับวิธีการยุติสงคราม ชาติตะวันตกจึงไม่ยอมรับ และมองว่าเป็นเพียงอุบายซื้อเวลาให้ปูตินจัดกองกำลังของรัสเซียใหม่ให้แข็งแรงขึ้นเท่านั้น
ส่วนยูเครนเองซึ่งกล่าวก่อนหน้านี้ว่าสงครามไม่สามารถยุติได้จนกว่ารัสเซียจะถอนกำลังทหารออก แต่ยูเครนก็แสดงท่าทีระมัดระวังต่อจีน และเปิดรับข้อเสนอแผนสันติภาพของจีนอย่างระมัดระวัง

2.ส่งเมสเสจถึงสหรัฐและพันธมิตร
ในแถลงการณ์ร่วม สี จิ้นผิงและปูติน เรียกร้องให้สหรัฐอเมริกาหยุด “บ่อนทำลายความมั่นคงทางยุทธศาสตร์ทั่วโลก” และหยุดพัฒนาระบบป้องกันขีปนาวุธระดับโลก
และมีส่วนหนึ่งในแถลงการณ์ที่เป็นนัยถึงสหรัฐและพันธมิตรชาติตะวันตกว่า ทั้งสองฝ่ายต่อต้านรัฐใด ๆ และกลุ่มของรัฐเหล่านั้นที่ทำลายผลประโยชน์ด้านความมั่นคงอันชอบด้วยกฎหมายของรัฐอื่น ๆ เพื่อที่จะได้รับข้อได้เปรียบทางทหาร การเมือง และอื่น ๆ
3.ประสานความร่วมมืออย่างไร้ขีดจำกัด
การเจรจาของรัฐบาลรัสเซียกับรัฐบาลจีนมีจุดประสงค์เพื่อประสานความร่วมมือแบบ “ไร้ขีดจำกัด” ที่ทั้งสองประเทศประกาศไว้เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2565 ก่อนที่รัสเซียจะบุกยูเครน
ในการเจอกันครั้งนี้ ผู้นำจีนกับรัสเซียลงนามในเอกสารหลายชุดเกี่ยวกับความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ในด้านต่าง ๆ
“ผมเชื่อมั่นว่าความร่วมมือหลายแง่มุมของเราจะพัฒนาต่อไป เพื่อประโยชน์ของประชาชนในประเทศของเรา” ปูตินบอกในการกล่าวสุนทรพจน์ผ่านโทรทัศน์
ฝั่งสี จิ้นผิง กล่าวว่า จีนและรัสเซียควรทำงานอย่างใกล้ชิดมากขึ้น เพื่อผลักดันให้เกิดความร่วมมือขึ้นจริงในเชิงปฏิบัติ
4.ความร่วมมือทางทหาร
จีนกับรัสเซียให้คำมั่นว่าจะมีการฝึกซ้อมทางทหารร่วมกันอย่างสม่ำเสมอมากขึ้น แต่ถึงอย่างนั้น ผู้นำทั้งสองประเทศกล่าวว่า ความสัมพันธ์ทวิภาคีที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้นของพวกเขา ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเท่าที่เคยมีมา ไม่ได้มีเป้าหมายเพื่อต่อต้านประเทศใด ๆ และไม่ได้ถือเป็น “พันธมิตรทางการเมืองและการทหาร”

5.ความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ-การค้าทวิภาคี
ประธานาธิบดีจีนและประธานาธิบดีรัสเซียได้ลงนามในแถลงการณ์ร่วม เกี่ยวกับแผนพัฒนาทางเศรษฐกิจหลายชุด ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจจีน-รัสเซีย 2030 (China-Russia economic cooperation up to 2030)
สี จิ้นผิง กล่าวระหว่างประชุมหารือกับมิคาอิล มิชูสติน นายกรัฐมนตรีรัสเซียในช่วงครึ่งเช้าของวันอังคารที่ 21 มีนาคมว่า จีนพร้อมที่จะขยายความร่วมมือกับรัสเซียในด้านการค้า การลงทุน ห่วงโซ่อุปทาน โครงการขนาดใหญ่ พลังงาน และเทคโนโลยีขั้นสูง
ด้านปูตินบอกหลังการเจรจาและลงนามความร่วมมือว่า เป็นการเจรจาที่ “ประสบความสำเร็จและสร้างสรรค์” ซึ่งแสดงให้เห็นว่าจีนเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจที่สำคัญที่สุดของรัสเซียอย่างชัดเจน
ปูตินบอกด้วยว่า รัฐบาลรัสเซียพร้อมที่จะช่วยเหลือธุรกิจจีนให้ตั้งบริษัทและดำเนินธุรกิจในรัสเซียแทนที่บริษัทตะวันตกที่ทิ้งรัสเซียไป
6.ความร่วมมือในการซื้อ-ขายพลังงานราคาถูกกว่าตลาด
ปูตินกล่าวหลังการหารือว่า รัสเซีย จีน และมองโกเลียได้บรรลุข้อตกลงทั้งหมดเกี่ยวกับท่อส่งก๊าซ Power of Siberia 2 ที่วางแผนไว้สำหรับการจัดส่งก๊าซธรรมชาติของรัสเซียไปยังจีน และรัสเซียพร้อมที่จะเพิ่มการส่งออกน้ำมันไปยังจีนด้วย
ก่อนหน้านี้ บริษัท Gazprom ของรัสเซียได้ส่งก๊าซไปยังจีนผ่านท่อส่งก๊าซ Power of Siberia ที่มีอยู่แล้ว ภายใต้ข้อตกลงระยะเวลา 30 ปี มูลค่า 400,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐที่เปิดตัวเมื่อสิ้นปี 2562

สำหรับท่อส่งก๊าซธรรมชาติ Power of Siberia 2 นั้นวางแผนไว้ว่าจะส่งก๊าซธรรมชาติจากรัสเซียไปยังจีน (ผ่านมองโกเลีย) 50,000 ล้านลูกบาศก์เมตร (50 bcm) ต่อปี ซึ่งรัฐบาลรัสเซียเสนอแนวคิดนี้เมื่อหลายปีก่อน แต่ต้องเร่งให้ดำเนินการเร่งด่วนขึ้น เพื่อทดแทนรายได้จากยุโรปที่หายไป แต่การส่งออกก๊าซของรัสเซียไปยังจีนยังเป็นส่วนน้อยเมื่อเทียบกับที่ส่งออกไปยังยุโรป 177 bcm ในปี 2561-2562
อย่างไรก็ตาม ปูตินกล่าวในช่วงที่หารือกับสี จิ้นผิงว่า รัสเซียจะส่งก๊าซให้จีนอย่างน้อย 98 bcm ภายในปี 2573 (ค.ศ. 2030) และบอกด้วยว่ารัสเซียจะเป็น “ซัพพลายเออร์เชิงยุทธศาสตร์” ให้กับจีน ในสินค้าพลังงาน ทั้งน้ำมันเชื้อเพลิง ก๊าซธรรมชาติ และถ่านหิน
“ซัพพลายเออร์เชิงยุทธศาสตร์” ในที่นี้คาดว่าน่าจะเป็นการขายสินค้าให้ในราคาลดพิเศษ เหมือนที่รัสเซียลดราคาน้ำมันดิบตลอดหลายเดือนก่อนหน้านี้
7.สี จิ้นผิง เชิญปูตินเยือนจีนในปีนี้
สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีนได้เชิญวลาดิมีร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย เดินทางเยือนประเทศจีนเพื่อเข้าร่วมการประชุม Belt and Road Forum for International Cooperation ครั้งที่ 3 ในปีนี้ ซึ่งสี จิ้นผิง กล่าวว่าความร่วมมือ Belt and Road มีความสำคัญต่อการเชื่อมโยงทั้งสองประเทศ
ทั้งนี้ ปูตินเข้าร่วมการประชุม Belt and Road Forum for International Cooperation ทั้งสองครั้งก่อนหน้านี้ แต่ในปีนี้ ท่ามกลางความเสี่ยงรอบด้าน ไม่รู้ว่าปูตินจะให้คำตอบ “เพื่อนรัก” ของเขาอย่างไร
นอกจากนั้น สำนักข่าว Xinhua ของจีนรายงานว่า สี จิ้นผิง เสนอให้มีการประชุมระหว่างนายกรัฐมนตรีของสองประเทศเป็นประจำด้วย