ก่อนหน้านี้ ภาคอุตสาหกรรมเหล็กของประเทศญี่ปุ่น ออกมาแสดงความประสงค์ต้องการให้สหรัฐอเมริกางดใช้มาตรการควบคุมการนำเข้าเหล็กจากบริษัทญี่ปุ่น
ล่าสุด คืนวานนี้ (1 มี.ค.2018) ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯ ประกาศสรุปว่า สหรัฐจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กในอัตรา 25% และอลูมิเนียม 10% โดยจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในสัปดาห์หน้า
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- บังคับใช้แล้ว! หลักเกณฑ์การดำเนินงาน 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว
- กีรติ รัชโน ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เสียชีวิต อายุ 56 ปี
มาตรการดังกล่าวเป็นผลสืบเนื่องมาจากการที่ประธานาธิบดีทรัมป์ เคยประกาศจะพิจารณามาตรการต่างๆ ที่ช่วยปกป้องอุตสาหกรรมของสหรัฐฯ รวมถึงพิจารณาภาษีการนำเข้าสินค้า ซึ่งสหรัฐฯ ได้ประกาศปรับเพิ่มไปแล้วเมื่อเดือนม.ค.ที่ผ่านมา
โดยเป็นการประกาศเพิ่มภาษีอุปกรณ์โซลาร์เซลล์และเครื่องซักผ้าที่นำเข้าจากต่างประเทศ เพื่อปกป้องภาคอุตสาหกรรมในสหรัฐฯ จากสินค้าที่ตั้งราคาต่ำกว่ามูลค่าตลาด รวมถึงต้องการสร้างงานให้แก่คนอเมริกันเพิ่มขึ้นด้วย
อัตราภาษีใหม่ดังกล่าวถูกเรียกเก็บเพิ่มขึ้น 20% สำหรับการนำเข้าเครื่องซักผ้า 1.2 ล้านเครื่องในปีแรก และจำนวนที่เกินกว่านั้นจะเพิ่มขึ้นถึง 50% ขณะที่ภาษีนำเข้าโซลาร์เซลล์จะเก็บเพิ่มขึ้น 30% ในปีแรก และจะลดลงเป็น 15% ในปีที่ 4 เป็นต้น
ทั้งนี้ ประธานธิบดีทรัมป์ ระบุว่า “มาตรการภาษีนำเข้าเหล็กนี้จะมีการลงนามบังคับใช้ในสัปดาห์หน้า ซึ่งจะช่วยปกป้องอุตสาหกรรมของสหรัฐ และสามารถพลิกฟื้นอุตสาหกรรมต่างๆ ให้กลับมาเติบโตได้อีกครั้ง”
อย่างไรก็ตาม นายทรัมป์ ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดที่ชัดเจน ถึงประเทศที่เข้าข่ายที่จะถูกเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียม และไม่ได้กล่าวชัดถึงระยะเวลาในการดำเนินมาตรการดังกล่าว
ขณะที่ นักวิเคราะห์บางรายมองว่า ประเทศจีนและญี่ปุ่น อาจอยู่ในข่ายสุ่มเสี่ยงที่จะถูกเรียกเก็บภาษีเหล็กครั้งใหม่นี้
