จีนส่งออกรถยนต์แซงญี่ปุ่น เป็นเบอร์ 1 ของโลกแล้วใน Q1/66 จ่อแซงต่อ 2 ไตรมาสติด

จีนส่งออกรถยนต์แซงญี่ปุ่น
AFP / China OUT

จีนแซงญี่ปุ่นขึ้นเป็นผู้ส่งออกรถยนต์เบอร์ 1 ของโลกแล้วในไตรมาสแรกปี 2566 จ่อแซงสองไตรมาสติดต่อกัน และยอดส่งออกทั้งปีอาจแซงตั้งแต่ปีนี้ โดยได้แรงหนุนจากดีมานด์รถยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น และการส่งออกรถยนต์ไปยังรัสเซียเพิ่มขึ้น   

เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2566 สำนักข่าว Nikkei Asia รายงานว่า จีนแซงหน้าญี่ปุ่นขึ้นเป็นผู้ส่งออกรถยนต์รายใหญ่ที่สุดของโลกแล้วในไตรมาสแรกของปี 2566 โดยได้รับแรงหนุนจากดีมานด์รถยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นและการส่งออกรถยนต์ไปยังประเทศรัสเซียที่เพิ่มขึ้น 

จีนส่งออกรถยนต์ 1.07 ล้านคันในช่วงเดือนมกราคมถึงมีนาคม 2566 พุ่งขึ้น 58% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า (YOY) อ้างอิงตามรายงานของสมาคมผู้ผลิตรถยนต์แห่งประเทศจีน (China Association of Automobile Manufacturers) 

ส่วนญี่ปุ่นส่งออกรถยนต์ 950,000 คัน เพิ่มขึ้น 6% จากไตรมาสแรกของปีก่อนหน้า (YOY) อ้างอิงตามข้อมูลของสมาคมผู้ผลิตรถยนต์แห่งประเทศญี่ปุ่น (Japan Automobile Manufacturers Association) 

การส่งออกรถยนต์ของจีนเติบโตอย่างต่อเนื่องในไตรมาสปัจจุบัน กลุ่มอุตสาหกรรมรถยนต์นั่งส่วนบุคคลคาดว่ายอดการส่งออกรถยนต์ของจีนทั้งปีนี้จะอยู่ที่ 4 ล้านคัน เพิ่มขึ้น 30% จากปีก่อนหน้า 

จีนส่งออกรถยนต์แซงญี่ปุ่น
AFP / Hector RETAMAL


ในปี 2552 จีนแซงหน้าสหรัฐอเมริกาขึ้นเป็นตลาดรถยนต์ใหม่ที่ใหญ่ที่สุดในโลก รัฐบาลจีนช่วยให้อุตสาหกรรม EV ในประเทศเติบโตโดยเสนอมาตรการจูงใจในการซื้อและสิทธิประโยชน์ทางภาษี ตลอดจนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในการชาร์จไฟฟ้า เพื่อนำรถยนต์ไฟฟ้าเข้าสู่กระแสหลักของการใช้รถ 

การเปลี่ยนไปสู่การผลิตและใช้รถยนต์ไฟฟ้าเป็นแรงขับเคลื่อนให้จีนผงาดขึ้นเป็นประเทศที่มีอำนาจในการส่งออกรถยนต์ 

ในไตรมาสแรกของปีนี้จีนส่งออกรถยนต์พลังงานใหม่ รวมถึงรถยนต์ไฟฟ้า (EV) เพิ่มขึ้น 93% เป็น 380,000 คัน ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 40% ของการส่งออกรถยนต์โดยรวมของจีน 

ถ้าแยกตามบริษัท อ้างอิงตามการรายงานของสื่อจีน Tesla เป็นบริษัทที่ส่งออกรถยนต์พลังงานใหม่มากเป็นอันดับที่หนึ่ง จำนวน 90,000 คัน รองลงมาคือ SAIC Motor (MG, Maxus, Roewe) จำนวน 50,000 คัน และ BYD จำนวน 30,000 คัน

ประเทศปลายทางการส่งออกรถยนต์พลังงานใหม่อันดับต้น ๆ ของจีนคือ เบลเยียม ออสเตรเลีย และไทย ซึ่งการที่ไทยอยู่ในอันดับ 3 แสดงให้เห็นว่าผู้ผลิตรถยนต์จากจีนใช้รถยนต์ไฟฟ้าเพื่อสร้างส่วนแบ่งการตลาดรถยนต์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นภูมิภาคที่ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่นครองอำนาจมาอย่างยาวนาน 

สำหรับรถยนต์โดยภาพรวมทั้งหมดที่ผลิตในจีน มีรัสเซียเป็นประเทศปลายทางการส่งออกอันดับ 1 ในไตรมาสแรก โดยส่งออกจำนวน 140,000 คัน เพิ่มขึ้นกว่า 3 เท่าจากช่วงไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า

จีนส่งออกรถยนต์แซงญี่ปุ่น
AFP / HECTOR RETAMAL


หลังจากรัสเซียรุกรานยูเครนในเดือนกุมภาพันธ์ 2565 (Toyota) โตโยต้า, Volkswagen (โฟล์คสวาเกน) และผู้ผลิตรถยนต์ระดับโลกรายอื่น ๆ ปิดโรงงานในรัสเซียและถอนตัวออกจากตลาดรัสเซีย ผู้ผลิตรถยนต์ของจีนจึงฉกฉวยโอกาสเข้าไปเติมเต็มช่องว่างในตลาดรัสเซีย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Chery Automobile (เฌอรี่) และ Great Wall Motor (เกรท วอลล์ มอเตอร์) ที่ได้ขยายการขายในรัสเซีย ซึ่งทั้งสองบริษัทนี้ได้รับเงินทุนสนับสนุนจากหน่วยงานที่เชื่อมโยงกับรัฐบาลท้องถิ่นระดับเทศบาลของจีน 

จีนส่งออกรถบรรทุกเกือบ 30,000 คัน -ซึ่งสามารถใช้เพื่อจุดประสงค์ทางทหาร-ไปยังรัสเซียในไตรมาสแรกของปีนี้ ซึ่งเพิ่มขึ้นเกือบ 7 เท่าจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ส่วนประเทศปลายทางที่จีนส่งออกรถบรรทุกรองจากรัสเซีย คือ เม็กซิโก เบลเยียม และซาอุดีอาระเบีย ตามลำดับ 

Tesla ได้วางโพซิชั่นให้โรงงาน Gigafactory ในมหานครเซี่ยงไฮ้เป็นศูนย์กลางการส่งออกสำหรับยานยนต์ไปยังยุโรปและญี่ปุ่น รวมถึงตลาดอื่น ๆ ซึ่งการส่งออกของ Tesla จากจีนในไตรมาสแรกปีนี้ เพิ่มขึ้น 20% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า

เมื่อตอนที่โรงงาน Gigafactory ของ Tesla ในเซี่ยงไฮ้เริ่มเปิดดำเนินการในปี 2562 โรงงานนี้มีกำลังการผลิตรถยนต์ 250,000 คันต่อปี ตอนนี้สามารถขยายกำลังผลิตได้เป็น 1.25 ล้านคันต่อปี และได้ยื่นขอใบอนุญาตเพื่อเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 1.75 ล้านคันแล้ว 

การผลิตและการส่งออกมากขึ้นของ Tesla ก็จะส่งเสริมการส่งออกรถยนต์ของจีนในภาพรวมให้มากขึ้นไปอีก 

ทั้งนี้ ในภาพรวมรายปี เมื่อปี 2565 เป็นปีแรกที่จีนแซงหน้าเยอรมนีขึ้นเป็นผู้ส่งออกรถยนต์รายใหญ่อันดับ 2 ของโลก เมื่อตอนต้นปี 2566 ที่ผ่านมามีการคาดการณ์กันว่าจีนจะแซงญี่ปุ่นขึ้นเป็นเบอร์ 1 ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า

แต่การที่จีนแซงญี่ปุ่นได้ในไตรมาสแรกของปีนี้ และมีแนวโน้มจะแซงต่อเนื่องในไตรมาสต่อ ๆ ไป น่าจะทำให้ต้องปรับคาดการณ์ใหม่ว่า ยอดส่งออกรถยนต์รายปีของจีนจะแซงญี่ปุ่นขึ้นเป็นเบอร์ 1 ได้ตั้งแต่ในปีนี้