เศรษฐีไทยแฮปปี้ เวิร์ก-ไลฟ์บาลานซ์ดีสุดในเอเชีย สิงคโปร์ทำงานหนักจนทุกข์ใจสุด

เศรษฐีไทย

“อยากรวยต้องขยัน ต้องทำงานหนัก” คือคำพูดที่เราได้ยินกันมานาน ซึ่งก็มีทั้งส่วนที่จริงและส่วนที่ไม่จริง 

อย่างไรก็ตาม สมมติว่าเราสรุปไปเลยว่าคำกล่าวนี้ “จริง” เพื่อข้ามไปคุยกันที่ประเด็นถัดไป คือ คนรวยในแต่ละประเทศ แต่ละดินแดน แต่ละวัฒนธรรม ก็ทำงานหนักมาก-น้อยไม่เท่ากัน 

แล้วคนรวยในประเทศ/ดินแดนไหนที่ทำงานหนักกว่า คนรวยในประเทศ/ดินแดนไหนมีสมดุลชีวิตและการทำงาน (work-life balance) ดีกว่ากัน ? ขอชวนมาดูจากข้อมูลการสำรวจที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายนที่ผ่านมา 

ธนาคารลอมบาร์ดโอเดียร์ (Lombard Odier) จากสวิตเซอร์แลนด์ สำรวจความพึงพอใจในสมดุลชีวิตและการทำงาน (work-life balance) ของเศรษฐีที่มีความมั่งคั่งมากกว่า 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 35 ล้านบาท) จำนวน 460 รายในสิงคโปร์ ฮ่องกง ญี่ปุ่น ไทย ฟิลิปปินส์ ไต้หวัน และออสเตรเลีย ในช่วงเวลาระหว่างเดือนพฤษภาคมถึงมิถุนายน 2023 

การสำรวจนี้พบว่า เศรษฐีในสิงคโปร์มีความพึงพอใจในสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงาน (work-life balance) ของตนเองน้อยที่สุดเพียง 30% ของผู้ตอบแบบสำรวจทั้งหมด ส่วนเศรษฐีที่มีความสุขที่สุดไม่ใช่อื่นไกล เป็นเศรษฐีในไทยที่รั้งอันดับ 1 ด้วยสัดส่วนผู้ตอบแบบสำรวจที่มีความพึงพอใจในสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงานของตนเอง 72.7% 

อันดับรองลงไปเป็นออสเตรเลีย สัดส่วนผู้ตอบแบบสำรวจที่มีความพึงพอใจในสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงานของตนเอง 68.0% ฟิลิปปินส์ 64.3% ฮ่องกง 52.8% ญี่ปุ่น 48.8% ไต้หวัน 41.3% ปิดท้ายด้วยสิงคโปร์ 30% ดังที่กล่าวไปแล้ว 

รายงานระบุว่า กลุ่มเศรษฐีในสิงคโปร์ที่ไม่พอใจสมดุลชีวิตและการทำงานของตัวเองบางส่วนเป็นเพราะเหตุผลเรื่อง “ระยะเวลาที่ใช้ในการทำงาน” ซึ่งพวกเขารู้สึกว่ามากเกินไป โดยมีเศรษฐีชาวสิงคโปร์ 26% ที่ตอบแบบสำรวจตอบว่าพวกเขาทำงานล่วงเวลาบ่อยครั้ง ขณะที่ประเทศสิงคโปร์เป็นประเทศ/ดินแดนที่มีชั่วโมงทำงานที่ยาวนานที่สุดในเอเชีย-แปซิฟิก เฉลี่ย 45 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ อิงตามการรายงานของ ดิ อินสแตนต์ กรุ๊ป (The Instant Group) บริษัทให้คำปรึกษาด้านการทำงานและสถานที่ทำงานในลอนดอน ประเทศอังกฤษ 

ถึงอย่างนั้นก็ตาม การสำรวจของลอมบาร์ดโอเดียร์ยังพบว่า คนรุ่นใหม่ไม่เอาด้วยกับแนวคิด “งานคือชีวิต/ชีวิตคืองาน” และถอยออกห่างจากแนวคิดนี้มากขึ้นทุกวัน 

นอกจากนั้น การสำรวจนี้ยังพบว่ากำลังมีการถ่ายโอนความมั่งคั่งจำนวนมหาศาลของประเทศ/ดินแดนต่าง ๆ ในเอเชียด้วย 

อ้างอิง : Bloomberg

…………………………..