
เผยแพร่ 13 มกราคม 2024 เวลา 17.25 น. อัพเดต เวลา 21.30 น.
เลือกตั้งไต้หวันมีผู้ใช้สิทธิประมาณ 69.8% จากผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งหมด 19.54 ล้านคน ผลการนับคะแนน ไล่ ชิงเต๋อ จากพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า (DPP) ชนะด้วยสัดส่วนคะแนน 40%
วันที่ 13 มกราคม 2024 หลังปิดหีบเลือกตั้งการเลือกตั้งใหญ่ไต้หวัน “โฟกัสไต้หวัน” (Focus Taiwan) สื่อไต้หวันรายงานในเวลา 17.38 น. ตามเวลาไต้หวันซึ่งเร็วกว่าไทย 1 ชั่วโมง ว่า คณะกรรมการการเลือกตั้งกลางของไต้หวัน (Central Election Commission : CEC) รายงานว่า มีผู้ใช้สิทธิประมาณ 69.8% จากผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งหมด 19.54 ล้านคน ซึ่งต่ำกว่าผลการสำรวจก่อนหน้านี้ที่ชี้ว่าจะมีจำนวนผู้ออกมาใช้สิทธิสูงถึง 75%
โฟกัสไต้หวันระบุว่า ส่วนหนึ่งของปัญหาคือไต้หวันไม่มีการจัดเลือกตั้งล่วงหน้าหรือเลือกตั้งนอกเขตสำหรับผู้ที่ไม่สะดวกเดินทางไปยังหน่วยเลือกตั้งที่มีชื่อตามทะเบียนบ้านในวันเลือกตั้งจริง รวมถึงไม่มีการจัดการเลือตั้งสำหรับคนที่อยู่นอกไต้หวัน ผู้ที่จะใช้สิทธิเลือกตั้งไม่ว่าจะอาศัยอยู่ในหรือนอกไต้หวัน จะต้องเดินทางกลับไปเลือกตั้งเองที่หน่วยเลือกตั้งตามทะเบียนบ้านเท่านั้น ซึ่งมีประมาณการว่ามีชาวไต้หวันที่อาศัยอยู่นอกไต้หวันประมาณ 500,000 ถึง 1 ล้านคน จึงทำให้ยากต่อการใช้สิทธิเลือกตั้ง

สำนักข่าวเซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ (South China Morning Post : SCMP) รายงานอัพเดตผลการนับคะแนนเลือกตั้ง ณ เวลา 18.20 น. ตามเวลาไต้หวัน ปรากฏว่า ไล่ ชิงเต๋อ (Lai Ching-Te) จากพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า (Democratic Progressive Party : DPP) มีคะแนนนำอยู่ที่ 1,012,396 คะแนน คิดเป็นสัดส่วน 43% ของคะแนนทั้งหมดที่นับแล้ว ส่วนโหว โหย่วอี๋ (Hou yu-ih) จากพรรคก๊กมินตั๋ง (KMT) มีคะแนน 784,061 คะแนน คิดเป็น 33% ขณะที่โก เหวินเจ๋อ (Ko Wen-je) จากพรรคประชาชนไต้หวัน (Taiwan People’s Party : TPP) มีคะแนนโหวต 562,555 คิดเป็น 24%
ต่อมา เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ อัพเดตผลการนับคะแนนเลือกตั้ง ณ เวลา 18.50 น. ตามเวลาไต้หวัน ปรากฏว่า ไล่ ชิงเต๋อ จากพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า (DPP) มีคะแนนนำอยู่ที่ 2,515,966 คะแนน คิดเป็นสัดส่วน 42% ของคะแนนทั้งหมดที่นับแล้ว ส่วนโหว โหย่วอี๋ จากพรรคก๊กมินตั๋ง (KMT) มีคะแนน 1,990,546 คะแนน คิดเป็น 33% ขณะที่โก เหวินเจ๋อ (Ko Wen-je) จากพรรคประชาชนไต้หวัน (TPP) มีคะแนน 1,498,425 คิดเป็น 25%

ต่อมา เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ อัพเดตผลการนับคะแนนเลือกตั้ง ณ เวลา 19.20 น. ปรากฏว่า ไล่ ชิงเต๋อ จากพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า (DPP) มีคะแนนนำอยู่ที่ 4,036,143 คะแนน คิดเป็นสัดส่วน 41% ของคะแนนทั้งหมดที่นับแล้ว ส่วนโหว โหย่วอี๋ จากพรรคก๊กมินตั๋ง (KMT) มีคะแนน 3,257,195 คะแนน คิดเป็น 33% ขณะที่โก เหวินเจ๋อ (Ko Wen-je) จากพรรคประชาชนไต้หวัน (TPP) มีคะแนน 2,516,789 คิดเป็น 26%
เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ อัพเดตผลการนับคะแนนเลือกตั้ง ณ เวลา 20.04 น. ตามเวลาไต้หวัน ซึ่งการนับคะแนนแล้วเสร็จ 90% แล้ว ผลปรากฏว่า ไล่ ชิงเต๋อ จากพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า (DPP) มีคะแนนนำอยู่ที่ 5,249,643 คะแนน คิดเป็นสัดส่วน 40% ของคะแนนทั้งหมดที่นับแล้ว ส่วนโหว โหย่วอี๋ จากพรรคก๊กมินตั๋ง (KMT) มีคะแนน 4,341,357 คะแนน คิดเป็น 33% ขณะที่โก เหวินเจ๋อ (Ko Wen-je) จากพรรคประชาชนไต้หวัน (TPP) มีคะแนน 3,423,029 คิดเป็น 26%

จากนับคะแนนที่นับแล้วเสร็จเกิน 90% สามารถสรุปผลการเลือกตั้งได้ว่า ไล่ ชิงเต๋อ สามารถนำพรรค DPP คว้าชัย และบริหารไต้หวันอีกสมัย สร้างประวัติศาสตร์ชนะการเลือกตั้ง 3 สมัยติดต่อกัน ซึ่งยังไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน นับตั้งแต่ไต้หวันเข้าสู่ยุคประชาธิปไตยที่แท้จริง
เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ รายงานในเวลา 20.08 น. ว่า โหว โหย่วอี๋ ได้กล่าวยอมรับความปราชัย โดยขอโทษผู้สนับสนุนที่ทำให้ผิดหวัง พร้อมบอกว่า “ผมเคารพการตัดสินใจขั้นสุดท้ายของชาวไต้หวัน”
และเวลา 20.11 น. SCMP รายงานว่า โก เหวินเจ๋อ จากพรรค TPP ได้เริ่มกล่าวขอบคุณผู้สนับสนุน และบอกว่า TPP จะเป็นกองกำลังหลักของฝ่ายค้าน
จากนั้น SCMP อัพเดตผลการนับคะแนนเลือกตั้ง ณ เวลา 22.02 น. ตามเวลาไต้หวันว่า ไล่ ชิงเต๋อ จากพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า (DPP) มีคะแนนนำอยู่ที่ 5,586,019 คะแนน คิดเป็นสัดส่วน 40% ของคะแนนทั้งหมดที่นับแล้ว ส่วนโหว โหย่วอี๋ จากพรรคก๊กมินตั๋ง (KMT) มีคะแนน 4,671,021 คะแนน คิดเป็น 33% ขณะที่โก เหวินเจ๋อ (Ko Wen-je) จากพรรคประชาชนไต้หวัน (TPP) มีคะแนน 3,690,466 คิดเป็น 26%
นอกจากนั้น SCMP รายงานว่าพรรครัฐบาล DPP สูญเสียการควบคุมเสียงในสภานิติบัญญัติ โดยคาดว่าจะได้ที่นั่งในสภาเพียง 51 ที่นั่งจากทั้งหมด 113 ที่นั่ง ขณะที่พรรคก๊กมินตั๋ง (KMT) คาดว่าจะได้ 52 ที่นั่ง และพรรคประชาชนไต้หวัน (TPP) คาดว่าจะได้ 8 ที่นั่ง
เวลา 22.10 น. SCMP รายงานว่า ไล่ ชิงเต๋อ กล่าวสุนทรพจน์ฉลองชัยชนะโดยพยายามแสดงท่าทีประนีประนอม โดยกล่าวถึงการเจรจาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างไต้หวันกับจีน
ในตอนหนึ่งเขากล่าวว่า “การรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งครั้งนี้ได้แสดงให้โลกเห็นถึงการที่ชาวไต้หวันยืนหยัดยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตย และด้วยเสียงเหล่านี้ ผมหวังว่าอีกฟากหนึ่งของช่องแคบไต้หวันจะสามารถเข้าใจได้อย่างถ่องแท้เช่นกัน” และเขากล่าวเสริมว่า “มีเพียงการเจรจาและการแลกเปลี่ยนเท่านั้นที่สามารถลดความเสี่ยงของความขัดแย้งได้”
“เราต้องแทนที่การปิดล้อมด้วยการแลกเปลี่ยน และแทนที่การเผชิญหน้าด้วยการเจรจา เพื่อบรรลุสันติภาพและความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน และทางออกเดียวคือการมีสันติภาพ ความเสมอภาค และการเจรจาที่เป็นประชาธิปไตย”
“สิ่งนี้สอดคล้องกับผลประโยชน์ของประชาชนทั้งสองฝั่งของช่องแคบไต้หวันมากที่สุด และเป็นหนทางเดียวที่จะทำให้เกิดสถานการณ์ที่ได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย” ประธานาธิบดีคนใหม่ของไต้หวันกล่าว