ธนาคารทั่วโลกความสามารถทำกำไรต่ำ ยากจะกลับไปเหมือนยุคก่อนแฮมเบอร์เกอร์

ธนาคาร ย่านการเงิน
ย่านการเงินในกรุงลอนดอน อังกฤษ (ภาพโดย Kevin Coombs/ REUTERS)

บอสตัน คอนซัลติง กรุ๊ป บริษัทที่ปรึกษาธุรกิจระดับโลกชี้ ปัจจุบันธนาคารทั่วโลกมีความสามารถทำกำไรต่ำ อาจจะเพิ่มมูลค่ารวมกันได้ 7 ล้านล้านดอลลาร์ได้ภายใน 5 ปี หากปรับปรุงความสามารถในการทำกำไรได้ดีเหมือนยุคก่อนวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ แต่เป็นไปได้ยาก

วันที่ 15 มกราคม 2024 รอยเตอร์ (Reuters) รายงานว่า บอสตัน คอนซัลติง กรุ๊ป (Boston Consulting Group : BCG) บริษัทที่ปรึกษาธุรกิจรายใหญ่ของโลกเผยแพร่รายงานระบุว่า ธนาคารทั่วโลกอาจจะเพิ่มมูลค่าในตลาด (valuation) รวมกันได้เป็น 7 ล้านล้านดอลลาร์ ในอีก 5 ปีข้างหน้า หากธนาคารต่าง ๆ ทั่วโลกมีการดำเนินการที่สำคัญที่จะส่งเสริมการเติบโตและเพิ่มผลิตภาพของตนเอง 

บริษัทที่ปรึกษาธุรกิจ บอสตัน คอนซัลติ้ง กรุ๊ป กล่าวว่า ธนาคารสามารถเพิ่มมูลค่าได้เป็น 2 เท่า จากมูลค่าในปัจจุบัน หากสามารถเพิ่มพูนขีดความสามารถและปรับปรุงอัตราส่วนราคาตลาดต่อหุ้น (P/BV) ได้ 

“ปัจจัยใหญ่ที่สุดที่ทำให้เกิดการประเมินในแง่ลบเกี่ยวกับภาคการธนาคาร คือ การที่ความสามารถในการทำกำไรลดลงอย่างมาก” BGC กล่าว 

ในปี 2022 ประมาณ 75% ของหุ้นธนาคารทั่วโลกมีอัตราส่วนราคาตลาดต่อหุ้น (P/BV) ต่ำกว่า 1 ขณะที่อัตราส่วนราคาต่อกำไร (P/E) อยู่ที่เกือบครึ่งของระดับปี 2008 (ช่วงวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์หรือวิกฤตการณ์การเงินโลก) และนับตั้งแต่เกิดวิกฤตครั้งนั้น ผลตอบแทนผู้ถือหุ้นของหุ้นธนาคารก็ล้าหลังดัชนีของตลาดหลัก ๆ และช่องว่างก็กว้างขึ้นเรื่อย ๆ ด้วย 

บอสตัน คอนซัลติง กรุ๊ป กล่าวว่า แม้ว่าธนาคารจะลงทุนในการเพิ่มผลิตภาพและลดความซับซ้อนของธุรกิจลงอย่างมาก แต่ผลกำไรของธนาคารจะยังคงอยู่ภายใต้แรงกดดันจากความต้องการเงินทุนที่สูงขึ้น และการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นจากผู้เล่นรายใหม่ อย่างเช่น ฟินเทค

“ธนาคารไม่น่าจะกลับไปสู่ระดับความสามารถในการทำกำไรและมูลค่า (valuation) เท่าที่เป็นอยู่ก่อนเกิดวิกฤตการณ์การเงินโลก” BCG กล่าว