ไบเดนเผยแผนของบฯ 7.3 ล้านล้านเหรียญ โชว์วิสัยทัศน์บริหารเศรษฐกิจสู้ “ทรัมป์”

โจ ไบเดน
โจ ไบเดน ระหว่างลงพื้นที่หาเสียงที่เมืองแมนเชสเตอร์ รัฐนิวแฮมป์เชียร์ สหรัฐ วันที่ 11 มีนาคม 2024 (ภาพโดย Kevin Lamarque/ REUTERS)

โจ ไบเดน เผยแผนงบประมาณ 7.3 ล้านล้านเหรียญสำหรับปีงบฯ 2025 พร้อมเสนอแผนขึ้นภาษีธุรกิจ-คนรวย โชว์วิสัยทัศน์บริหารเศรษฐกิจสู้ โดนัลด์ ทรัมป์ หลังมีคะแนนความเชื่อมั่นด้านเศรษฐกิจตามหลัง 

สำนักข่าวรอยเตอร์ (Reuters) รายงานว่า เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2024 ตามเวลาท้องถิ่นรัฐนิวแฮมป์เชียร์ สหรัฐอเมริกา โจ ไบเดน (Joe Biden) ประธานาธิบดีสหรัฐ และผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรคเดโมแครต ได้เผยร่างวิสัยทัศน์เชิงนโยบายสำหรับการบริหารประเทศวาระ 4 ปีข้างหน้าถ้าหากว่าเขาได้รับการเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีอีกสมัย และเขาได้เผยร่างแผนวงเงินงบประมาณ 7.3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 260 ล้านล้านบาท) สำหรับปีงบประมาณ 2025 ซึ่งเป็นปีแห่งการเปลี่ยนผ่านรัฐบาล ในระหว่างที่เขาไปหาเสียงที่เมืองแมนเชสเตอร์ รัฐนิวแฮมป์เชียร์ 

วิสัยทัศน์และแผนงบประมาณของไบเดนเผยให้เห็นว่า เขาต้องการขึ้นภาษีสำหรับบริษัทและบุคคลที่มีรายได้สูง เพื่อช่วยลดการขาดดุลงบประมาณและเพิ่มความสามารถในการจ่ายเงินของรัฐสำหรับโครงการใหม่ ๆ ที่จะช่วยเหลือพลเมืองที่มีความสามารถในการรับมือกับค่าที่อยู่อาศัยและค่าดูแลเด็กที่สูงได้น้อยลง 

แผนงบประมาณที่ไบเดนเสนอครอบคลุมการเพิ่มอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลจาก 21% เป็น 28% และการขึ้นภาษีผู้ที่มีความมั่งคั่ง 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐขึ้นไปให้จ่ายภาษีอย่างน้อย 25% ของรายได้ การให้รัฐบาลเจรจาเพื่อลดต้นทุนยาลงให้ได้มากกว่านี้ การนำเครดิตคืนภาษีสำหรับผู้มีบุตร (Child Tax Credit) สำหรับครอบครัวรายได้น้อยและรายได้ปานกลางกลับมาใช้ การให้ทุนสำหรับการดูแลเด็ก การจัดสรรเงิน 258,000 ล้านดอลลาร์สำหรับสร้างบ้าน การอนุญาตให้คนงานลาเพื่อดูแลลูกโดยได้รับค่าจ้างเป็นเวลา 12 สัปดาห์ และจะใช้เงินหลายพันล้านดอลลาร์ในการบังคับใช้กฎหมาย

กระทรวงการคลังสหรัฐระบุว่า แผนงบประมาณที่ไบเดนเสนอจะเพิ่มรายรับภาษีให้รัฐได้ 4.951 ล้านล้านดอลลาร์ ในช่วง 10 ปี ซึ่งรวมถึงการปรับขึ้นภาษีภาคธุรกิจที่จะเพิ่มรายรับได้มากกว่า 2.7 ล้านล้านดอลลาร์ และอีกเกือบ 2 ล้านล้านดอลลาร์จากบุคคลที่ร่ำรวย 

อย่างไรก็ตาม สภาคองเกรสไม่น่าจะอนุมัติใช้แผนที่ไบเดนเสนอ   

ไมก์ จอห์นสัน (Mike Johnson) ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐจากพรรครีพับลิกันรีบปฏิเสธข้อเสนอของไบเดว่า ข้อเสนอนี้สะท้อนถึง “ความกระหายที่ไม่รู้จักพอสำหรับการใช้จ่ายโดยประมาท” และ “การไม่คำนึงถึงความรับผิดชอบทางการคลัง”

ทั้งนี้ การโชว์วิสัยทัศน์เชิงนโยบายและแผนงบประมาณของไบเดนมีจุดมุ่งหมายที่จะโน้มน้าวใจชาวอเมริกันที่ไม่เชื่อว่าเขาสามารถบริหารเศรษฐกิจได้ดีกว่าโดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) หลังจากการสำรวจความคิดเห็นที่จัดทำโดยสำนักข่าวรอยเตอร์ (Reuters) ร่วมกับบริษัทวิจัยอิปซอส (Ipsos) เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา พบว่าชาวอเมริกัน 40% คิดว่าทรัมป์จะบริหารเศรษฐกิจได้ดีที่สุด ขณะที่ผู้ตอบแบบสำรวจ 31% เลือกไบเดน และ 28% ที่ตอบว่าไม่รู้ว่าใครจะทำได้ดีกว่ากัน หรือปฏิเสธที่จะตอบคำถาม

ขณะดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี ทรัมป์เคยประสบความสำเร็จในการออกกฎหมายลดภาษีครั้งใหญ่ในปี 2017 ซึ่งต้องการเพิ่มภาษีศุลกากรนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศอย่างรวดเร็ว และลดกฎระเบียบเกี่ยวกับผู้ผลิตพลังงาน

แม้ว่าพรรคเดโมแครตตำหนิการลดภาษีของทรัมป์ว่าเป็นการเพิ่มการขาดดุลงบประมาณ และเป็นการเอนเอียงเอื้อประโยชน์แก่คนรวย แต่เดโมแครตก็ไม่ได้ยกเลิกกฎหมายที่บัญญัติในยุคของทรัมป์เมื่อพวกเขามีอำนาจควบคุมรัฐสภา (สภาคองเกรส) ในปี 2021-2023 ทั้งนี้ บทบัญญัติที่สำคัญจะหมดอายุในปี 2025 ซึ่งทำให้สภาคองเกรสเกิดความขัดแย้งครั้งใหญ่ในเรื่องนโยบายภาษี