
เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2024 รัฐบาลเอกวาดอร์ขับทูตเอกวาดอร์ออกจากประเทศ โดยออกแถลงการณ์ว่า ราเกล เซรูร์ สเมเก (Raquel Serur Smeke) เอกอัครราชทูตเม็กซิโกประจำประเทศเอกวาดอร์ เป็น “บุคคลที่ไม่พึงปรารถนา” (persona non grata) และ “ไม่ได้รับการต้อนรับ”
กระทรวงการต่างประเทศของเอกวาดอร์บอกกับสำนักข่าวรอยเตอร์ (Reuters) ว่า เอกอัครราชทูต ราเกล เซรูร์ สเมเก ควรออกจากประเทศเอกวาดอร์ “เร็ว ๆ นี้”
สองประเทศนี้มีความขัดแย้งอะไรกันที่นำมาสู่การขับไล่ทูต ?
รอยเตอร์รายงานว่า เอกวาดอร์ขับไล่ทูตเม็กซิโกโดยอ้างเหตุผลถึงการแสดงความคิดเห็นของประธานาธิบดีเม็กซิโกเกี่ยวกับการเลือกตั้งของเอกวาดอร์เมื่อปีที่แล้วว่าเป็นการเลือกตั้งที่เต็มไปด้วยความรุนแรง
ในแถลงการณ์ดังกล่าว กระทรวงการต่างประเทศของเอกวาดอร์ระบุว่า ประเทศเอกวาดอร์ยังคงไว้ทุกข์ต่อการลอบสังหารของวิลลาวิเซนซิโอ และรัฐบาลของมุ่งมั่นที่จะปฏิบัติตามหลักการไม่แทรกแซงเรื่องภายในของประเทศอื่น ๆ
เมื่อวันพุธที่ 3 เมษายน 2024 ประธานาธิบดีอันเดรส มานูเอล โลเปซ โอบราดอร์ (Andres Manuel Lopez Obrador) จากพรรคการเมืองฝ่ายซ้ายของเม็กซิโกแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการลอบสังหาร เฟร์นันโด วิลลาวิเซนซิโอ (Fernando Villavicencio) ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีเอกวาดอร์เมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว โดยเปรียบเทียบกับความรุนแรงที่เกิดขึ้นในช่วงฤดูเลือกตั้งปัจจุบันของเม็กซิโกซึ่งมีผู้สมัครในพื้นที่หลายคนถูกยิงเสียชีวิต
ในคำพูดของประธานาธิบดีเม็กซิโก เขากล่าวว่า “ผู้สมัครหญิง” ซึ่งเคยเป็นผู้นำในการแข่งขันชิงตำแหน่งประธานาธิบดีเกวาดอร์มีความเชื่อมโยงอย่างไม่ยุติธรรมกับการสังหารวิลลาบิเซนซิโอ และได้สูญเสียโมเมนตัมในเวลาต่อมา นอกจากนั้นเขากล่าวโทษสื่อในเอกวาดอร์ว่าทุจริต กล่าวคือ มีส่วนในการกำหนดทิศทางผลการเลือกตั้ง
รอยเตอร์รายงานอีกว่า ประธานาธิบดี โลเปซ โอบราดอร์ ของเม็กซิโกมักจะใช้การเปรียบเทียบสื่อเอกวาดอร์เพื่อโจมตีสื่อเม็กซิโก และเขากล่าวว่า การสังหารเฟร์นันโด วิลลาวิเซนซิโอ นำไปสู่ “บรรยากาศแห่งความรุนแรงที่ถูกตั้งข้อหา” ที่เพิ่มมากขึ้นตลอดการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งมาจนถึงปัจจุบัน
“ผมกำลังพูดถึงเรื่องนี้เพื่อให้เจ้าของสื่อและผู้ที่เข้าร่วมแคมเปญเหล่านี้ต้องรับผิดชอบ” เขากล่าวเสริม
ทั้งนี้ ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีเอกวาดอร์เมื่อเดือนตุลาคม 2023 ลุยซา กอนซาเลซ (Luisa Gonzalez) ผู้หวังชิงตำแหน่งประธานาธิบดีฝ่ายซ้าย ซึ่งเป็นลูกบุญธรรมของอดีตประธานาธิบดี ราฟาเอล กอร์เรอา (Rafael Correa) แพ้การเลือกตั้งให้กับ แดเนียล โนบัว (Daniel Noboa) โดยได้รับคะแนนเสียงประมาณ 48% ขณะที่โนบัวได้ไป 52%
นอกจากนั้น เอกวาดอร์กับเม็กซิโกยังมีความขุ่นเคืองจากการที่สถานเอกอัครราชทูตเม็กซิโกประจำเอกวาดอร์ในกรุงกิโต อนุญาตให้ฮอร์เก้ กลาส (Jorge Glas) อดีตรองประธานาธิบดีเม็กซิโกในสมัยประธานาธิบดีกอร์เรอาลี้ภัยอยู่ในสถานทูตในฐานะ “แขก” ของสถานทูต ตั้งแต่ปลายปี 2023 หลังจากที่เขาโดนสำนักงานอัยการออกหมายจับในคดีคอร์รัปชัน
เมื่อต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ทางการเอกวาดอร์ได้ขอเข้าไปสถานทูตเม็กซิโกเพื่อควบคุมตัวฮอร์เก้ กลาส แต่ไม่ได้รับอนุญาตจากเม็กซิโก
นอกจากนั้น รัฐบาลเม็กซิโกได้ให้ที่พักพิงแก่อดีตเจ้าหน้าที่หลายคนในรัฐบาลคอร์เรอา ซึ่งอ้างว่าตนเองตกเป็นเป้าของการประหัตประหารทางการเมือง
ประเด็นเหล่านี้เป็นการสะสมความตึงเครียดทางการทูตระหว่างเม็กซิโกกับเอกวาดอร์ให้เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนมาถึงจุดแตกหัก