จับตาสงครามลุกลาม อิหร่านกร้าวโจมตีอิสราเอลแน่ ด้านสหรัฐหนุนยิวรับมือเต็มที่

อิหร่าน อิสราเอล
ที่เกิดเหตุโจมตีสถานทูตอิหร่านในซีเรีย เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2024 (ภาพโดย LOUAI BESHARA / AFP)

เหตุสถานทูตอิหร่านประจำประเทศซีเรียโดนโจมตีเมื่อวันที่ 1 เมษายน 2024 ซึ่งข้อมูลบ่งชี้ว่าเป็นการโจมตีโดยอิสราเอล กำลังทำให้ความรุนแรงในตะวันออกกลางขยายใหญ่ขึ้น

แม้ว่าอิสราเอลไม่ได้ยืนยันความรับผิดชอบต่อการก่อเหตุดังกล่าว แต่กระทรวงกลาโหมสหรัฐซึ่งเป็นพันธมิตรของอิสราเอลกล่าวว่า ใช่-เป็นฝีมือของอิสราเอล

เหตุโจมตีดังกล่าวทำให้มีผู้เสียชีวิต 13 ราย หนึ่งในนั้นคือผู้บัญชาการระดับสูงของกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิหร่าน (IRGC)

หลังเกิดเหตุ อิหร่านไม่รอช้า ประกาศเอาคืนอิสราเอลแน่ ส่วนฝั่งอิสราเอลก็ใช่ว่าจะยอมอยู่เฉยให้อิหร่านโจมตี ประกาศโต้คืนอีกเช่นกัน ขณะที่สหรัฐที่เป็นมิตรรักของอิสราเอลยืนยันว่าอยู่เคียงข้างในกรณีนี้ แม้ว่าระยะหลังมานี้สหรัฐจะเห็นไม่ตรงกับอิสราเอลในเรื่องการโจมตีพื้นที่ฉนวนกาซา

รอยเตอร์ (Reuters) รายงานว่า เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2024 อยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี (Ayatollah Ali Khamenei) ผู้นำสูงสุดของอิหร่านกล่าวว่า อิสราเอล “ต้องถูกลงโทษและมันจะต้องเป็นเช่นนั้น” และกล่าวว่า การที่อิสราเอลโจมตีสถานทูตของอิหร่านนั้นเทียบเท่ากับการโจมตีดินแดนอิหร่าน

อย่างไรก็ตาม รอยเตอร์รายงานอ้างคำบอกเล่าของแหล่งข่าวว่า ขณะที่ฮอสเซน อามีร์อับดอลลาเฮียน (Hossein Amirabdollahian) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของอิหร่านเดินทางเยือนโอมาน เมื่อวันที่ 7 เมษายนที่ผ่านมา เขาได้กล่าวเป็นการส่งสัญญาณไปถึงสหรัฐอเมริกาว่า อิหร่านเต็มใจที่จะลดความรุนแรงของการตอบโต้อิสราเอลลงตามที่สหรัฐเรียกร้อง โดยจะโจมตีในลักษณะที่มุ่งเป้าหมายเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ความเสียหายใหญ่โตบานปลาย และจะไม่ดำเนินการอย่างวู่วาม

แหล่งข่าวรอยเตอร์บอกว่า อิหร่านยังพยายามรื้อฟื้นการเจรจาข้อตกลงนิวเคลียร์กับสหรัฐ ซึ่งการเจรจาดังกล่าวหยุดชะงักมาเกือบ 2 ปีแล้ว และรัฐบาลอิหร่านยังเรียกร้องคำรับรองจากสหรัฐด้วยว่า สหรัฐจะไม่เข้าไปเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่อิหร่านโจมตีอิสราเอล ซึ่งเป็นข้อเรียกร้องที่สหรัฐปฏิเสธ

แหล่งข่าวของรอยเตอร์ซึ่งคุ้นเคยกับหน่วยข่าวกรองของสหรัฐระบุว่า การโจมตีตอบโต้อิสราเอลของอิหร่านจะไม่ลุกลามไปถึงการโจมตีสหรัฐ เนื่องจากอิหร่านไม่ต้องการให้สหรัฐเข้าไปเกี่ยวข้องโดยตรงกับความขัดแย้งนี้ โดยอิหร่านจะไม่สั่งการให้กองกำลังติดอาวุธตัวแทนในซีเรียและอิรักกำหนดเป้าหมายกองกำลังสหรัฐในประเทศเหล่านั้น

ด้านอิสราเอลกล่าวว่า จะตอบโต้การโจมตีจากอิหร่านอย่างแน่นอน

อิสราเอล แคตซ์ (Israel Katz) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของอิสราเอลโพสต์ข้อความบนแพลตฟอร์ม X เมื่อวันที่ 10 เมษายนว่า “หากอิหร่านโจมตีออกมาจากดินแดนของพวกเขา อิสราเอลจะตอบโต้และโจมตีในอิหร่าน”

ฝั่งประธานาธิบดีโจ ไบเดน (Joe Biden) ของสหรัฐกล่าวเมื่อวันที่ 10 เมษายน 2024 ว่า อิหร่านกำลังขู่ที่จะเปิดตัว “การโจมตีครั้งสำคัญในอิสราเอล” และเขาได้บอกกับ เบนจามิน เนทันยาฮู (Benjamin Netanyahu) นายกรัฐมนตรีอิสราเอลว่า สหรัฐมีความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าและแข็งแกร่งต่อการรักษาความมั่นคงของอิสราเอลในการต้านภัยคุกคามจากอิหร่านและตัวแทนของอิหร่าน

ต่อมา เมื่อวันที่ 11 เมษายน บลูมเบิร์ก (Bloomberg) รายงานโดยอ้างคำบอกเล่าของแหล่งข่าวที่คุ้นเคยกับหน่วยข่าวกรองของสหรัฐว่า สหรัฐและพันธมิตรเชื่อว่าการโจมตีครั้งใหญ่ของอิหร่านหรือตัวแทนของอิหร่านต่อเป้าหมายทางทหารและรัฐบาลในอิสราเอลใกล้จะเกิดขึ้นแล้วในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ซึ่งจะทำให้สงครามในตะวันออกกลางที่ดำเนินมากว่า 6 เดือนขยายวงกว้างขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

แหล่งข่าวคนดังกล่าวบอกว่า การโจมตีที่คาดว่าจะเกิดขึ้นนี้อาจจะใช้ขีปนาวุธที่มีความแม่นยำสูง เขาบอกว่า หน่วยข่าวกรองของสหรัฐประเมินว่าการโจมตีจะเกิดขึ้นแน่ ๆ ตอนนี้ประเมินแค่ว่า “เมื่อใด” เท่านั้น

ล่าสุด เมื่อวันที่ 12 เมษายน สหรัฐอเมริกาได้สั่งจำกัดการเดินทางของเจ้าหน้าที่สหรัฐที่ปฏิบัติงานในอิสราเอล ห้ามเดินทางออกนอกเขตนครเยรูซาเล็ม กรุงเทลอาวีฟ และเมืองเบียร์เซบา พร้อมกับขอให้ใช้ความระมัดระวังอย่างยิ่ง

ด้านรัฐบาลฝรั่งเศสได้เตือนพลเมืองของตนเองในวันที่ 12 เมษายนเช่นกันว่า ให้งดเว้นการเดินทางไปยังอิหร่าน เลบานอน อิสราเอล และดินแดนปาเลสไตน์ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า