ถ้อยแถลงร่วมกษัตริย์บรูไน-รัฐบาลไทย หารือความร่วมมือหลายด้าน เซ็น MOU 2 ฉบับ 

กษัตริย์บรูไนเยือนไทย
สมเด็จพระราชาธิบดีฮาจี ฮัซซานัล บลเกียะฮ์ มูอิซซัดดิน วัดเดาละฮ์ แห่งบรูไนดารุสซาลาม และนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีประเทศไทย

เปิดถ้อยแถลงร่วมกษัตริย์บรูไน-รัฐบาลไทย ในโอกาสเสด็จฯเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ มีการหารือความร่วมมือหลายด้าน และลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) 2 ฉบับ 

วันที่ 29 เมษายน 2024 สมเด็จพระราชาธิบดีฮาจี ฮัซซานัล บลเกียะฮ์ มูอิซซัดดิน วัดเดาละฮ์ แห่งบรูไนดารุสซาลาม และรัฐบาลไทย ออกถ้อยแถลงร่วม ในโอกาสการเสด็จพระราชดำเนินเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการของสมเด็จพระราชาธิบดีฮาจี ฮัซซานัล บลเกียะฮ์ มูอิซซัดดิน วัดเดาละฮ์ แห่งบรูไนดารุสซาลาม ระหว่างวันที่ 28-29 เมษายน 2024 

ถ้อยแถลงร่วมดังกล่าวระบุเนื้อหา 10 ข้อ ดังต่อไปนี้ 

1.สมเด็จพระราชาธิบดีฮาจี ฮัซซานัล บลเกียะฮ์ มูอิซซัดดิน วัดเดาละฮ์ แห่งบรูไนดารุสซาลาม ได้เสด็จพระราชดำเนินเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการในฐานะแขกของรัฐบาลระหว่างวันที่ 28-29 เมษายน 2024 ตามคำกราบบังคมทูลเชิญของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี โดยสมเด็จพระราชาธิบดีแห่งบรูไนดารุสซาลามได้เสด็จฯ เยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการครั้งล่าสุดเมื่อปี 2012 

2.สมเด็จพระราชาธิบดีแห่งบรูไนดารุสซาลามทรงขอบคุณนายกรัฐมนตรีของประเทศไทยสำหรับการต้อนรับอย่างอบอุ่นและในไมตรีจิตในระหว่างการเสด็จพระราชดำเนินเยือนอย่างเป็นทางการ 

Advertisment

3.ในระหว่างการเยือน ผู้นำทั้งสองได้หารือกันที่ทำเนียบรัฐบาลในหลายประเด็นอย่างกว้างขวาง ทั้งสองฝ่ายแสดงความพึงพอใจต่อความสัมพันธ์ที่ดีอันยาวนานระหว่างไทยกับบรูไนดารุสซาลาม โดยได้ยืนยันถึงความมุ่งมั่นในการเสริมสร้างความร่วมมือทวิภาคีในด้านต่าง ๆ และได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับประเด็นในภูมิภาคที่มีความสนใจร่วมกัน โดยมีประเด็นสำคัญจากการหารือดังนี้ :

4.ความร่วมมือทางการเมือง : ประเทศไทยและบรูไนดารุสซาลามมีความสัมพันธ์กันอย่างยาวนาน โดยตั้งอยู่บนพื้นฐานของความร่วมมือที่แนบแน่นและอบอุ่นตั้งแต่การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกัน เมื่อวันที่ 1 มกราคม 1984 (พ.ศ. 2527) และเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองครบรอบ 40 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างทั้งสองประเทศ นายกรัฐมนตรีได้เยือนบรูไนดารุสซาลามอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 10-11 ตุลาคม 2023 และสมเด็จพระราชาธิบดีแห่งบรูไนดารุสซาลามได้เสด็จฯ เยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 28-29 เมษายน 2024 โดยผู้นำทั้งสองได้ยืนยันความมุ่งมั่นในการกระชับความร่วมมือในด้านการค้า การลงทุน อุตสาหกรรมฮาลาล การท่องเที่ยว เศรษฐกิจดิจิทัล และความสัมพันธ์ในระดับประชาชนผ่านกลไกทวิภาคีที่มีอยู่ ซึ่งรวมถึงคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคี ที่บรูไนดารุสซาลามจะเป็นเจ้าภาพการประชุมฯ ครั้งที่ 2 ในปี 2567 

กษัตริย์บรูไนเยือนไทย

5.ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ : ผู้นำทั้งสองเห็นพ้องที่จะทำงานอย่างใกล้ชิดต่อไปเพื่อส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจในประเด็นต่อไปนี้ : 

Advertisment

5.1 การค้า : ผู้นำทั้งสองเห็นพ้องที่จะส่งเสริมความร่วมมือทวิภาคีด้านการค้าให้ใกล้ชิดยิ่งขึ้น โดยจัดตั้งกลไกในระดับนโยบาย เพื่อกำหนดแผนปฏิบัติการที่เป็นรูปธรรมในการส่งเสริมการค้าทวิภาคีและความร่วมมือทางเศรษฐกิจ และได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของทั้งสองฝ่ายหารือในประเด็นนี้ต่อไป

5.2 ความมั่นคงด้านอาหารและความร่วมมือฮาลาล : ฝ่ายไทยแสดงความพร้อมที่จะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมคณะทำงานร่วมด้านการเกษตร ครั้งที่ 1 ในวันที่ 7-8 พฤษภาคม 2024 โดยผู้นำทั้งสองได้ย้ำถึงความสำคัญของความร่วมมือในอุตสาหกรรมฮาลาล ผ่านความร่วมมือที่ใกล้ชิดระหว่างศูนย์อุตสาหกรรมฮาลาล ภายใต้กระทรวงอุตสาหกรรมของประเทศไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของบรูไนดารุสซาลาม อาทิ กระทรวงการคลังและเศรษฐกิจ กระทรวงทรัพยากรพื้นฐานและการท่องเที่ยว และกระทรวงศาสนา นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังได้เห็นชอบที่จะหารือเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการจัดทำร่างบันทึกความเข้าใจด้านอุตสาหกรรมฮาลาล การพัฒนาและการส่งเสริมการส่งออกสินค้าฮาลาลด้วย

5.3 การท่องเที่ยว : ผู้นำทั้งสองเห็นพ้องที่จะกระชับความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว รวมถึงแนวคิด Six Countries, One Destination ที่เป็นโครงการนำร่องที่ประเทศไทยเสนอเพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวในระดับภูมิภาค และยังเห็นพ้องที่จะส่งเสริมความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพ การท่องเที่ยวเชิงนิเวศ และการท่องเที่ยวที่เป็นมิตรต่อมุสลิม นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายจะทำงานร่วมกันเพื่อเพิ่มจำนวนเที่ยวบินตรงระหว่างสองประเทศ และขยายเส้นทางการบินจากบรูไนดารุสซาลามมายังประเทศไทย

5.4 การลงทุน : ผู้นำทั้งสองยินดีที่คณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจบรูไนดารุสซาลามมีความสนใจในการดึงดูดและอำนวยความสะดวกให้การลงทุนจากประเทศไทยในด้านอุตสาหกรรมอาหาร อุตสาหกรรมปิโตรเลียมปลายน้ำและปิโตรเคมี อุตสาหกรรมโลจิสติกส์ และอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่บรูไนดารุสซาลาม นอกจากนี้ ผู้นำทั้งสองมุ่งหวังให้ทั้งสองประเทศสามารถบรรลุความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งบรูไนดารุสซาลามเพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อนด้วย

5.5 เศรษฐกิจดิจิทัล : สมเด็จพระราชาธิบดีแห่งบรูไนดารุสซาลามทรงยินดีที่ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ให้ความช่วยเหลือด้านการเสริมสร้างขีดความสามารถและการแบ่งปันประสบการณ์แก่ธนาคารกลางบรูไนดารุสซาลามอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีส่วนสำคัญในการช่วยพัฒนาระบบการชำระเงินที่รวดเร็ว (Fast Payment System : FPS) เพื่ออำนวยความสะดวกในการโอนเงินและชำระเงินอย่างมีประสิทธิภาพด้วยค่าธรรมเนียมที่ถูกลง ส่วนนายกรัฐมนตรีของประเทศไทยได้ชื่นชมที่บรูไนดารุสซาลามร่วมลงนามในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการเชื่อมโยงการชำระเงินในภูมิภาค ซึ่งจะเสริมสร้างความร่วมมือทางการเงินระหว่างบรูไนดารุสซาลามกับประเทศไทยตลอดจนกับประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาค

6.ความสัมพันธ์ระดับประชาชน นายกรัฐมนตรีของไทยขอบคุณที่รัฐบาลบรูไนดารุสซาลามมอบทุนการศึกษาให้กับนักศึกษาไทย รวมถึงนักศึกษาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยต่าง ๆ ของบรูไนดารุสซาลามในหลายด้าน รวมถึงด้านศาสนาอิสลาม ผู้นำทั้งสองยังเห็นพ้องที่จะกระชับความร่วมมือในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ โดยเฉพาะในสาขาการแพทย์และการพยาบาล 

นอกจากนี้ เพื่อกระชับความร่วมมือด้านการแลกเปลี่ยนในระดับประชาชน ผู้นำทั้งสองยังได้เร่งรัดให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเจรจาบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการจัดส่งแรงงานไทยไปทำงานในบรูไนดารุสซาลาม บันทึกความเข้าใจระหว่างกรมพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย และรัฐบาลบรูไนดารุสซาลามในด้านการพัฒนาโครงการหนึ่งหมู่บ้านหนึ่งผลิตภัณฑ์ (OVOP) บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือทางวัฒนธรรม และบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการศึกษาระหว่างกระทรวงศึกษาธิการของประเทศไทยและบรูไนดารุสซาลาม

กษัตริย์บรูไนเยือนไทย

7.การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ : ผู้นำทั้งสองแสดงความยินดีที่ประเทศอาเซียนได้ตกลงกันที่จะจัดตั้งศูนย์อาเซียนด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่บรูไนดารุสซาลาม และนายกรัฐมนตรีได้ให้ความมั่นใจว่า ประเทศไทยจะเร่งดำเนินการเพื่อให้สามารถลงนามความตกลงเพื่อการจัดตั้งศูนย์ดังกล่าวได้โดยเร็ว ผู้นำทั้งสองยังมุ่งหวังที่จะเห็นความสำเร็จของการจัดตั้งศูนย์ รวมทั้งบทบาทของศูนย์ ในการประสานงานอย่างใกล้ชิดในภูมิภาคและการกระชับความร่วมมือในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียน

8.ความร่วมมือระดับภูมิภาค : ผู้นำทั้งสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นเกี่ยวกับพัฒนาการที่สำคัญในภูมิภาค และยืนยันความมุ่งมั่นที่จะรักษาความเป็นแกนกลางและความเป็นเอกภาพของอาเซียนในการส่งเสริมสันติภาพ เสถียรภาพ และการพัฒนาในภูมิภาค ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของบริบทระหว่างประเทศ 

นอกจากนี้ ในประเด็นเมียนมา ผู้นำทั้งสองมีเป้าหมายเดียวกันคือ ความสงบสุข ความมีเสถียรภาพ และความเป็นเอกภาพของเมียนมา และเรียกร้องให้ทุกฝ่ายในเมียนมาแก้ไขปัญหาความเห็นที่แตกต่างกันด้วยหารือกันอย่างสร้างสรรค์เพื่อบรรลุทางออกอย่างสันติ โดยผ่านกระบวนการที่เมียนมามีบทบาทนำและมีความเป็นเจ้าของ นอกจากนี้ ฝ่ายบรูไนดารุสซาลามได้แสดงความยินดีต่อข้อริเริ่มของไทยในการยกระดับความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่เมียนมาซึ่งได้ช่วยเสริมการดำเนินการตามฉันทามติ 5 ข้อของอาเซียน

 9.ในระหว่างการเยือน ผู้นำทั้งสองได้ร่วมเป็นสักขีพยานการลงนามของ :

(1) บันทึกความเข้าใจระหว่างกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการของไทยและสำนักงานการลงทุนบรูไนฯ

(2) บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวระหว่างกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงทรัพยากรพื้นฐานและการท่องเที่ยวแห่งบรูไนดารุสซาลาม

10.ผู้นำทั้งสองประเทศแสดงความพอใจต่อผลลัพธ์ของการเยือนและเร่งรัดให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของทั้งสองฝ่ายใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่อย่างเต็มที่เพื่อให้มีการดำเนินการเป็นรูปธรรม ผู้นำทั้งสองยังสนับสนุนให้มีการแลกเปลี่ยนการเยือนระหว่างภาครัฐและเอกชนของทั้งสองประเทศในทุกระดับให้มากขึ้น เพื่อรักษาพลวัตที่ดีของความสัมพันธ์ทวิภาคีต่อไป