ทรัมป์ VS แฮร์ริส : สรุปประเด็นสำคัญดีเบตเดือดชิงเก้าอี้ประธานาธิบดี

โดนัลด์ ทรัมป์ และคามาลา แฮร์ริส ระหว่างการดีเบต ภาพโดย เอเอฟพี
โดนัลด์ ทรัมป์ และคามาลา แฮร์ริส ระหว่างการดีเบต ภาพโดย เอเอฟพี

จบลงไปแล้วสำหรับการดีเบตหรืออภิปรายประชันวิสัยทัศน์ระหว่าง โดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรครีพับลิกัน กับคามาลา แฮร์ริส (Kamala Harris) ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครต เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2024 เวลา 21.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐอเมริกา (08.00 น. วันที่ 11 มิถุนายน เวลาไทย) 

การดีเบตครั้งนี้เป็นครั้งแรกระหว่างทรัมป์กับแฮร์ริส กำหนดเวลาดีเบต 90 นาที จัดขึ้นโดยสถานีโทรทัศน์เอบีซี นิวส์ (ABC News) ที่สถาบันด้านการศึกษาและอภิปรายด้านรัฐธรรมนูญแห่งชาติ เมืองฟิลาเดลเฟีย หรือ Philadelphia’s National Constitution Center ในรัฐเพนซิลเวเนีย ผู้ดำเนินรายการในการดีเบตครั้งนี้ คือ เดวิด เมียร์ (David Muir) และลินซีย์ เดวิส (Linsey Davis) พิธีกรมากประสบการณ์ของเอบีซี นิวส์

“ประชาชาติธุรกิจ” สรุปสาระจากประเด็นสำคัญในการดีเบต ดังต่อไปนี้ 

เศรษฐกิจสหรัฐและค่าครองชีพ

คามาลา แฮร์ริส บอกว่า เธอเติบโตมาจากชนชั้นกลาง (middle class) ดังนั้น เธอจึงเชื่อมั่นในความฝันแบบคนอเมริกัน และมีแผนที่จะสร้างเศรษฐกิจแห่งโอกาส (opportunity economy) ซึ่งเธอทราบดีถึงปัญหาขาดแคลนที่อยู่อาศัย และราคาบ้านแพงที่เกินไปสำหรับหลาย ๆ คน โดยเธอจะช่วยให้คนอเมริกันสามารถสร้างครอบครัวได้ ด้วยการลดหย่อนภาษี 6,000 ดอลลาร์ นับเป็นโครงการคืนเงินภาษีบุตร (Child Tax Credit) ที่ใหญ่ที่สุด 

นอกจากนี้ แฮร์ริสยังจะลดหย่อนภาษีให้กับธุรกิจขนาดเล็ก 50,000 ดอลลาร์ ต่างกับทรัมป์ที่จะลดภาษีให้กับบรรดามหาเศรษฐีและบรรษัทขนาดใหญ่ ซึ่งจะทำให้ประเทศขาดดุล 5 ล้านล้านดอลลาร์ ที่สำคัญ ทรัมป์ยังจะขึ้นภาษีที่แฮร์ริสเรียกว่า ภาษีการขาย (sales tax) ซึ่งจะขึ้นภาษีของใช้ในชีวิตประจำวันถึง 20% และจะทำให้ชนชั้นกลางมีภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น 4,000 ดอลลาร์ต่อปี 

ฝั่งทรัมป์ตอบโต้โดยกล่าวว่า ภาษีการขายไม่ใช่การเรียกที่ถูกต้อง สิ่งที่ทรัมป์ทำคือการตั้งกำแพงภาษีกับต่างประเทศ ซึ่งสามารถดึงเงินจากจีนหลายพันล้านได้มาก่อนแล้ว และเห็นได้ว่ารัฐบาลไบเดนไม่ได้ลดกำแพงภาษีลงในช่วงเวลาที่ผ่านมา ที่สำคัญ กำแพงภาษีที่ตั้งในสมัยรัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ก็ไม่ได้ก่อให้เกิดอัตราเงินเฟ้อ ที่ส่งผลกระทบต่อคนทุกชนชั้น ไม่เพียงแค่ชนชั้นกลาง 

ADVERTISMENT

การทำแท้ง

ทรัมป์บอกว่าที่เขาสนับสนุนให้คว่ำกฎหมายทำแท้ง เพราะมีการทำแท้งบางกรณีที่ตัวอ่อนในครรภ์มีอายุ 9 เดือนแล้ว หรือคลอดออกมาเป็นทารกแล้วด้วยซ้ำ แต่ทางเดโมแครตกลับบอกว่าไม่เป็นไร ซึ่งมันสุดโต่งเกินไป เขาจึงให้แต่ละรัฐที่มีระดับความคิดทางเสรีนิยมที่ต่างกันไปมีอำนาจตัดสินใจในประเด็นนี้เอง 

อย่างไรก็ตาม ลินซีย์ เดวิส แก้ข้อความเท็จของทรัมป์ว่า ในสหรัฐไม่มีกฎหมายข้อใดที่อนุญาตให้สังหารบุคคลที่คลอดออกมาเป็นทารกแล้ว 

ADVERTISMENT

ทางด้านแฮร์ริสกล่าวว่า ไม่แปลกใจเลยที่ข้อความของทรัมป์จะเต็มไปด้วยคำโกหก ที่จริงแล้วทรัมป์ตั้งใจที่จะยกเลิกสิทธิการทำแท้งตามแนวคดีประวัติศาสตร์ โร วี. เวด (Roe V. Wade) และทำได้สำเร็จจากการเลือกสมาชิกตุลาการศาลสูง 3 คน ทำให้ขณะนี้ มีหมอและพยาบาลในกว่า 20 รัฐไม่อยากให้บริการทางสุขภาพเพราะกลัวว่าจะผิดกฎหมาย และในบางรัฐ ไม่มีข้อยกเว้นแม้แต่กรณีที่ผู้หญิงท้องจากการโดนข่มขืน

พอทรัมป์ถูกพิธีกรถามว่า หากสภาคองเกรสผ่านกฎหมายแบนการทำแท้ง ทรัมป์จะใช้สิทธิวีโต้หรือไม่ ทรัมป์พยายามหลีกเลี่ยงที่จะตอบอย่างตรงไปตรงมา แต่ก็ยืนยันว่า จะไม่ใช้สิทธิวีโต้

 

โดนัลด์ ทรัมป์
โดนัลด์ ทรัมป์

ผู้อพยพ

แฮร์ริสกล่าวว่า เธอเป็นอัยการผู้ต่อสู้กับคดีลักลอบเข้าสหรัฐ และรัฐบาลไบเดนได้ทำข้อเสนอเสริมการตรวจตราป้องกันการลักลอบปืน ยาเสพติด และมนุษย์ข้ามพรมแดนต่อสภาคองเกรส แต่ทรัมป์กลับบอกให้ผู้แทนในสภาคองเกรสคว่ำร่างฯนั้นเสีย

ฝั่งทรัมป์ย้ำตลอดการดีเบตว่า ไบเดนและแฮร์ริสปล่อยให้ผู้อพยพนับล้านคนจากทั่วโลก ไม่เพียงแค่ในฝั่งอเมริกาใต้ ได้เข้ามาก่ออาชญากรรม ก่อการร้าย ค้ายาเสพติด แย่งงานชาวอเมริกัน นอกจากนี้ ยังเข้ามากินเนื้อสุนัขและเนื้อแมวที่ชาวอเมริกันเลี้ยงไว้อีกด้วย

แม้ทางพิธีกรจะพยายามโต้แย้งด้วยสถิติทางอาชญากรรมที่แท้จริงจากทางเอฟบีไอ (FBI) แต่ทรัมป์ก็แย้งว่าข้อมูลเหล่านั้นหลอกลวง โดยไม่นับรวมตัวเลขสถิติจากเมืองที่ตัวเลขคดีอาชญากรรมเลวร้ายที่สุด

ในช่วงนี้ ทรัมป์ได้โจมตีว่ารัฐบาลไบเดนอ่อนแอในกรณีที่ถอนทัพออกจากอัฟกานิสถานจนมีทหารเสียชีวิตถึง 13 รายจากเหตุโจมตีสนามบิน

เหตุจลาจลวันที่ 6 มกราคม 2021

ในการกล่าวถึงเหตุการณ์จลาจลที่อาคารรัฐสภาซึ่งผู้สนับสนุนทรัมป์ก่อเหตุเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2021 นั้น ทรัมป์ปฏิเสธว่าตัวเขาเองไม่มีส่วนรู้เห็น และชี้แจงว่าเขาสนับสนุนการเคลื่อนไหวที่ “รักชาติและสันติ” แต่พยายามไม่ชี้แจงมากนัก โดยหันไปโจมตีแฮร์ริสเรื่องอาชญากรรมจากผู้อพยพแทน

แฮร์ริสกล่าวหาว่าทรัมป์เป็นผู้ยุยงให้เกิดการชุมนุมขึ้นในวันนั้น เธอบอกว่าสังคมอเมริกาควรยึดคุณค่าประชาธิปไตย ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับประชาชนทุกคนแล้วว่าจะตัดสินใจหยุดการกระทำของทรัมป์หรือไม่

พิธีกรถามทรัมป์ว่า เสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนั้นหรือไม่ แต่ทรัมป์ตอบว่า ไม่มีอะไรให้รับผิดชอบ ทรัมป์อ้างว่าตัวเขาเองต้องการจะเพิ่มหน่วยคุ้มกันอยู่แล้ว แต่แนนซี เพโลซี (Nancy Pelosi) ประธานสภาผู้แทนราษฎรในขณะนั้น กลับปฏิเสธที่จะให้เขาส่งกำลังคนในตอนนั้น

ผลการเลือกตั้งครั้งก่อน

เมื่อเดวิด เมียร์ ถามทรัมป์ว่า เขายอมรับว่าแพ้การเลือกตั้งในปี 2020 แล้วหรือยัง

ทรัมป์ยังคงไม่ยอมรับความพ่ายแพ้และยังคิดว่ามีการโกงเกิดขึ้น โดยเขาบอกว่า หากจะแพ้ ก็แพ้ด้วยคะแนนเพียงเล็กน้อย ซึ่งหากเขาได้เป็นประธานาธิบดีอีกครั้ง คนที่มีส่วนร่วมกับการโกงเลือกตั้งจะถูกสอบสวน

แฮร์ริสบอกว่า ทรัมป์ถูกไล่ออกแล้วด้วย 81 ล้านโหวต ทั้งยังบอกว่าไม่สามารถยอมรับประธานาธิบดีที่พยายามจะยุติเจตจำนงของผู้ลงคะแนนในการเลือกตั้งที่เสรีและเป็นธรรมได้ และเสริมด้วยว่า ผู้นำประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกล้วนหัวเราะเยาะทรัมป์ เพราะทรัมป์แพ้การเลือกตั้งแต่ยอมรับความจริงไม่ได้

Kamala Harris
คามาลา แฮร์ริส

สงครามตะวันออกกลางและสงครามยูเครน

ในประเด็นสงครามอิสราเอล-ฮามาส แฮร์ริสกล่าวว่า อิสราเอลมีสิทธิป้องกันตนเอง แต่ต้องไม่เกินเลยจนทำร้ายพลเมือง แฮร์ริสยืนยันว่าสงครามอิสราเอล-ฮามาสควรยุติลง และจะหาทางออกเพื่อฟื้นฟูฉนวนกาซาขึ้นใหม่

ฝั่งทรัมป์ซึ่งย้ำมาตลอดว่า สงครามจะไม่มีทางเกิดขึ้นได้เลย หากเขาเป็นประธานาธิบดีแต่แรก เขาสามารถยุติสงครามได้ทันทีที่เขาชนะเลือกตั้ง ทรัมป์กล่าวหาว่าแฮร์ริสเกลียดชาวอาหรับ เกลียดชาวอิสราเอล ด้วยเหตุที่เธอหลีกเลี่ยงการพบปะกับเบนจามิน เนทันยาฮู ช่วงที่มาเยือนสหรัฐในปลายเดือนกรกฎาคม

แฮร์ริสแย้งว่า ทรัมป์พยายามทำให้ไขว้เขว เพราะทุกคนรู้กันดีว่าทรัมป์ไม่เก่งด้านนโยบายต่างประเทศ ที่เขาสนิทกับพวกผู้นำเผด็จการเป็นเพราะเขาถูกปั่นหัวจากคนเหล่านั้นได้ง่าย

ทรัมป์สวนกลับว่า หากรัฐบาลไบเดนเก่งจริง ทำไมถึงไม่ทำอะไรกับท่อส่งก๊าซนอร์ดสตรีม 2 ก่อนจะวกกลับมาที่ปัญหาผู้อพยพและอาชญากรรม

เมื่อถูกผู้ดำเนินรายการถามว่า อยากให้ยูเครนชนะสงครามไหม ทรัมป์ตอบว่าสิ่งที่เขาต้องการ คือให้สงครามยุติเสียที เขาและปูตินเคารพกันดี และเขารู้วิธีที่จะเจรจากับปูตินได้ ไม่เหมือนกับไบเดนที่ไม่คิดเจรจา จนอาจก่อให้เกิดสงครามโลกครั้งที่ 3 

แฮร์ริสกล่าวว่า หากทรัมป์เป็นประธานาธิบดี ปูตินคงเข้าไปนั่งอยู่ที่กรุงเคียฟของยูเครนแล้ว นอกจากนี้ ปูตินมีวาระซ่อนเร้นมากกว่าแค่การครองยูเครน แต่ยังต้องการแผ่อิทธิพลในยุโรปซึ่งเป็นพันธมิตรของสหรัฐด้วย เช่น รุกรานโปแลนด์ต่อจากยูเครน ก่อนที่เธอจะทิ้งคำถามว่า ทรัมป์ต้องการจะเป็นเพื่อนกับเผด็จการจริง ๆ หรือ

ทรัมป์โจมตีแฮร์ริสว่าโง่เขลา เพราะปูตินรุกรานยูเครนเพียง 3 วันหลังจากที่แฮร์ริสคุยสันติภาพกับเซเลนสกี ด้านแฮร์ริสสวนกลับว่า เป็นการประชุมผู้นำนาโต้ (NATO) ที่ผู้นำกว่า 50 ประเทศร่วมใจกันปกป้องประชาธิปไตย 

อย่างไรก็ตาม ทรัมป์บอกว่า นาโต้มีผลงานที่ไม่เพียงพอ และสหรัฐไม่ควรจะส่งเงินให้อีกต่อไป หากชาติพันธมิตรนาโต้ต้องการความคุ้มครอง พวกเขาต้องจ่ายให้กับสหรัฐ

สิ่งแวดล้อม-พลังงาน

แฮร์ริสพูดถึงการลงทุนในด้านพลังงานสะอาด และกล่าวว่า เธอจะไม่แบนการขุดเจาะน้ำมันและก๊าซภายในประเทศที่เรียกว่าแฟรกกิ้ง (fracking) เพื่อให้สหรัฐเป็นอิสระจากการพึ่งพาน้ำมันต่างชาติ และยังสร้างงานในภาคการผลิตอีกด้วย

ส่วนทรัมป์เพิกเฉยต่อคำถามดังกล่าว และไม่ได้เสนอแผนใด ๆ ในการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเลย เขาพูดว่าจะเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ที่ผลิตในจีน ที่ไบเดนไม่ทำเพราะว่ารับเงินจากจีนเป็นจำนวนหลายล้านดอลลาร์

ช่วงปิดท้าย

แฮร์ริสชี้ว่าเธอไม่ต้องการให้สหรัฐกลับไปยังอดีต เธอต้องการสร้างเศรษฐกิจที่เข้มแข็งให้กับประชาชนชาวอเมริกัน รักษาสถานะของอเมริกาบนเวทีโลก ปกป้องสิทธิพลเมือง รวมถึงสิทธิเหนือร่างกายของตน เธอจะเป็นประธานาธิบดีที่ห่วงใยประชาชน มองคนอื่นก่อนตัวเอง ซึ่งเธอมองว่านั่นคือรูปแบบประธานาธิบดีที่ชาวอเมริกันต้องการในเวลานี้ 

โดนัลด์ ทรัมป์ ใช้ข้อได้เปรียบจากการพูดปิดท้ายโดยกล่าวว่า ถ้าแฮร์ริสจะทำที่พูดมาจริง ทำไมเธอจึงไม่ทำเสียตอนนี้เลยขณะที่ยังมีอำนาจ ตลอด 3 ปีกว่าที่ผ่านมา สหรัฐอยู่ภายใต้รัฐบาลที่เลวร้ายที่สุด และแฮร์ริสควรจะลงจากตำแหน่งได้แล้ว 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง