
จีนเพิ่มอายุเกษียณจากเดิม 3 ปี แก้ปัญหาจำนวนคนวัยแรงงานหด และเพิ่มจำนวนปีขั้นต่ำในการส่งเงินสมทบเข้ากองทุนบำเหน็จบำนาญจาก 15 ปีเป็น 20 ปี แก้ปัญหาเงินกองทุนไม่พอจ่ายในอนาคต
วันที่ 13 กันยายน 2024 นิกเคอิ เอเชีย (Nikkei Asia) รายงานว่า คณะกรรมการถาวร (Standing Committee) แห่งสภาประชาชนแห่งชาติ (National People’s Congress) จีน ตัดสินใจจะเพิ่มอายุเกษียณเพื่อแก้ไขปัญหาจำนวนแรงงานที่ลดลง โดยให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2025
อายุเกษียณจะเพิ่มขึ้นทีละน้อยตลอด 15 ปีข้างหน้า สำหรับผู้ชาย อายุเกษียณเพิ่มจาก 60 ปีเป็น 63 ปี พนักงานหญิงที่ทำงานใช้แรงงาน (blue collar) เพิ่มจาก 50 ปีเป็น 55 ปี และพนักงานหญิงที่ทำงานออฟฟิศ (white collar) เพิ่มจาก 55 ปีเป็น 58 ปี
คณะมนตรีรัฐกิจ (The State Council) ของจีนยังประกาศอีกด้วยว่า จะเพิ่มจำนวนปีขั้นต่ำของการส่งเงินสมทบเข้ากองทุนบำเหน็จบำนาญขึ้นทีละน้อย จาก 15 ปีเป็น 20 ปี เริ่ม 1 มกราคม 2030 โดยก่อนหน้านี้ในปี 2019 สถาบันบัณฑิตสังคมศาสตร์จีน (CASS) เตือนว่า กองทุนบำเหน็จบำนาญของจีนจะหมดลงอย่างสมบูรณ์ภายในปี 2035
จีนยังคงเผชิญกับอัตราการเกิดที่ลดลง แม้ว่าจะยุตินโยบายลูกคนเดียว (One-Child Policy) แล้วในปี 2016 รัฐบาลจีนคาดการณ์ว่าภายในปี 2035 จะมีประชากรจีนอายุ 60 ปีขึ้นไปอยู่ประมาณ 400 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 30 ของประชากรทั้งหมด คาดว่าอัตราส่วนของคนหนุ่มสาวและผู้สูงวัยจะเสียสมดุลอย่างรวดเร็ว เนื่องจากในปี 2022 อัตราการตายสูงกว่าอัตราการเกิดเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1961
ในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา พรรคคอมมิวนิสต์ซึ่งปกครองประเทศจีนได้ร่างแผนระยะยาวว่าจีนจะเร่งปฏิรูปการเลื่อนอายุเกษียณอย่างค่อยเป็นค่อยไป แผนดังกล่าวกำหนดว่า ในทุก ๆ 4 เดือน อายุเกษียณพนักงานทั้งชายและพนักงานหญิงที่ทำงานในออฟฟิศจะปรับเพิ่มขึ้น 1 เดือน และทุก ๆ 2 เดือนสำหรับพนักงานหญิงที่ไม่ได้ทำงานในออฟฟิศ เช่น ผู้ชายที่เกิดในเดือนมกราคม 1965 จะเกษียณอายุในเดือนกุมภาพันธ์ 2025 เมื่ออายุ 60 ปี 1 เดือน แต่ชายอีกคนที่เกิดในเดือนธันวาคม 1976 จะเกษียณอายุในเดือนธันวาคม 2039 เมื่ออายุ 63 ปี