
โดนัลด์ ทรัมป์ได้ไป 5 รัฐสะวิงสเตต หรือรัฐสมรภูมิจาก 7 รัฐ และมีแนวโน้มครองรัฐที่เหลือทั้งหมด และมีคะแนนพ็อปพูลาร์โหวตนำกว่า 5 ล้านเสียง ขณะที่คามาลา แฮร์ริส ต่อสายโทรศัพท์แสดงความยินดีกับทรัมป์ ซึ่งขึ้นแท่นว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 47 แล้ว
วันที่ 7 พฤศจิกายน 2024 เอพี (AP) รายงานผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอย่างไม่เป็นทางการว่า โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครจากพรรครีพับลิกันชนะขาดลอยได้คะแนน 295 ต่อ 226 เมื่อพลิกได้มิชิแกนอีก 1 รัฐสะวิงสเตตจากที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน เคยชนะเมื่อปี 2020 ในขณะที่คะแนนในรัฐนี้นับไปแล้ว 98%
ผลการนับคะแนนในรัฐมิชิแกน หนึ่งในรัฐสะวิงสเตต ซึ่งชี้ชะตาผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีมีคะแนนของคณะผู้เลือกตั้ง 15 เสียง ทำให้ทรัมป์ได้คะแนน 295 ถือเป็นชัยชนะที่เด็ดขาดยิ่งขึ้นไปอีก และมีสัดส่วนคะแนนในรัฐนี้ 49.8% ต่อ 48.3%
ผลการนับคะแนนใน 7 สะวิงสเตต ปรากฏว่าทรัมป์ได้ชัยชนะแล้ว 5 รัฐ ได้แก่ นอร์ทแคโรไลนา จอร์เจีย เพนซิลเวเนีย วิสคอนซิน มิชิแกน และมีคะแนนนำในอีก 2 รัฐที่เหลือ ได้แก่ แอริโซนา และเนวาดา
ในส่วนรัฐแอริโซนา สัดส่วนคะแนนของทรัมป์ต่อแฮร์ริสเป็น 52.1% ต่อ 47.0% เมื่อคะแนนนับไปแล้ว 68% และรัฐเนวาดา 52.1% ต่อ 46.7% เมื่อคะแนนนับไปแล้ว 93%
พ็อปพูลาร์โหวต
เป็นที่ทราบกันว่า คะแนนของคณะผู้เลือกตั้ง (Electoral college) ตัดสินว่าใครจะได้เป็นประธานาธิบดีตามรายงานผลข้างต้นไปแล้วนั้น แต่อีกคะแนนที่น่าจับตามอง สะท้อนความนิยมในตัวผู้สมัครได้อีกปัจจัยหนึ่ง คือพ็อปพูลาร์โหวต เมื่อเทียบกับฮิลลารี คลินตัน แคนดิเดตเดโมแครตปี 2016 ชนะพ็อปพูลาร์โหวตเหนือทรัมป์กว่า 2 ล้านคะแนน แต่ไม่ได้เป็นประธานาธิบดี
ขณะนี้พ็อปพูลาร์โหวต หรือคะแนนรวมจากประชาชนทั่วประเทศของทรัมป์และแฮร์ริสยังไม่สามารถตัดสินได้ เพราะคะแนนทั่วประเทศยังนับไม่เสร็จ
ณ ช่วงค่ำของวันพุธ 6 พฤศจิกายน เวลาสหรัฐ แฮร์ริสได้ราว 67 ล้านเสียง เมื่อเทียบกับโจ ไบเดน แคนดิเดตเดโมแครตในขณะนั้นที่ได้ราว 81 ล้านเสียง เมื่อปี 2020 ห่างกันราว 14 ล้านเสียง แต่ระยะห่างจะลดลงเนื่องจากยังนับคะแนนต่อไป ยังไม่มีรัฐไหนนับคะแนนทั้งหมด 100%
สำหรับทรัมป์มีพ็อปพูลาร์โหวตนำแฮร์ริสอยู่ที่ราว 5 ล้านเสียง ซึ่งทรัมป์ได้อยู่ที่ราว 72 ล้านเสียง แต่ช่องว่างนี้ก็กำลังลดลง เนื่องจากมีการรายงานผลการนับคะแนนเข้ามาเรื่อย ๆ
ด้านคามาลา แฮร์ริส แคนดิเดตจากเดโมแครตประกาศยอมรับความพ่ายแพ้ และเรียกร้องให้ผู้สนับสนุนเธอยอมรับผลเลือกตั้ง
แฮร์ริสต่อสายแสดงความยินดีกับทรัมป์แล้ว พร้อมบอกให้ทรัมป์ทำหน้าที่ประธานาธิบดีของชาวอเมริกันทุกคน รวมถึงโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐ กล่าวแสดงความยินดีกับทรัมป์ด้วยแล้ว
เอพีรายงานอีกว่า 7 รัฐปกป้องการทำแท้ง ผู้มีสิทธิออกเสียงลงมติเห็นชอบมาตรการเพื่อปกป้องสิทธิการทำแท้งใน 7 จาก 10 รัฐที่เสนอมาตรการดังกล่าวในช่วงการเลือกตั้งครั้งนี้ ได้แก่ แอริโซนา โคโลราโด แมริแลนด์ มิสซูรี มอนทานา เนวาดา และนิวยอร์ก ต่างลงคะแนนเสียงว่าจะปกป้อง หรือขยายการเข้าถึงการทำแท้ง ในขณะที่การห้ามและข้อจำกัดการทำแท้งจะยังคงมีอยู่ในฟลอริดา เนแบรสกา และเซาท์ดาโคตา
และในส่วนของนโยบายคนเข้าเมืองที่ถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยทำให้ทรัมป์ชนะ ในรายการ “Good Morning America” เมื่อวันพุธที่ 6 พฤศจิกายน ตามเวลาท้องถิ่น เจสัน มิลเลอร์ ที่ปรึกษาอาวุโสของทรัมป์ กล่าวว่านโยบายชายแดนที่เข้มงวดกำลังจะเกิดขึ้น นโยบายชายแดนแบบเดียวกับที่ทรัมป์ใช้ในช่วงดำรงตำแหน่งสมัยแรกจะถูกนำกลับมาใช้อีกครั้งในวันแรกที่กลับมาดำรงตำแหน่ง
สอดคล้องกับแคโรไลน์ เลวิตต์ โฆษกของทรัมป์ กล่าวกับฟ็อกซ์นิวส์ในวันเดียวกันว่า ทรัมป์จะเปิดปฏิบัติการเนรเทศผู้อพยพผิดกฎหมายครั้งใหญ่ที่สุด