สัมพันธ์เหนียวแน่น จีนขายบอนด์สกุลเงินดอลล์ครั้งแรกในรอบ 3 ปีที่ซาอุฯ

ธนบัตรสหรัฐ และธนบัตรจีน ภาพโดย REUTERS/Dado Ruvic
ธนบัตรสหรัฐ และธนบัตรจีน ภาพโดย REUTERS/Dado Ruvic

จีนเริ่มออกขายพันธบัตรด้วยสกุลเงินดอลลาร์เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2021 โดยขายในตลาดหลักทรัพย์ซาอุดีอาระเบีย เพื่อเป็นการเสริมความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับซาอุฯ ให้แน่นแฟ้นขึ้น 

บลูมเบิร์ก (Bloomberg) รายงานโดยอ้างอิงแหล่งข่าวว่า รัฐบาลจีนออกพันธบัตรรุ่นอายุ 3 ปีและอายุ 5 ปี ด้วยราคาแนะนำเริ่มต้น (IPG) ที่สูงกว่าบอนด์ยีลด์ (Bond Yield) หรือผลตอบแทนพันธบัตรของรัฐบาลสหรัฐถึง 25 เบซิสพอยต์ (Basis Point) และ 30 เบซิสพอยต์ตามลำดับ โดยกระทรวงการคลังแถลงไว้ก่อนหน้านี้เมื่อต้นเดือนพฤศจิกายนว่า มีการวางแผนที่จะขายพันธบัตรกว่า 2,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 69,000 ล้านบาท)

ซาอุดีอาระเบียถือเป็นสถานที่แปลกใหม่สำหรับการขายพันธบัตรในครั้งนี้ ซึ่งปกติแล้วธุรกรรมดังกล่าวมักจะเกิดขึ้นในลอนดอน นิวยอร์ก และฮ่องกง แต่ที่จีนเลือกออกขายพันธบัตรในซาอุดีอาระเบีย เป็นเพราะทั้งสองประเทศต้องการเสริมความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ โดยเจ้าหน้าที่จากทั้งสองประเทศได้เจรจาความร่วมมือก่อนแล้วเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งความสัมพันธ์ที่เหนียวแน่นดังกล่าวสามารถสังเกตได้จากการที่บริษัทเหล็กรายใหญ่สุดของจีนได้เพิ่มการลงทุนของในซาอุดีอาระเบียเป็นสองเท่า

เมิ่งถิง (Ting Meng) นักกลยุทธ์สินเชื่ออาวุโสประจำภูมิภาคเอเชียจากกลุ่มธนาคารออสเตรเลีย แอนด์ นิวซีแลนด์ แบงกิ้ง กรุ๊ป (ANZ) กล่าวว่า การขายพันธบัตรในซาอุดีอาระเบียของจีนเป็นไปตามความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นขึ้นของทั้งสองประเทศ แม้พันธบัตรที่ออกมาจะเหมือนกันกับที่เคยออกมาในครั้งก่อน แต่อาจสามารถขายให้กับนักลงทุนในตะวันออกกลางได้มากขึ้นในครั้งนี้ ซึ่งราคาสุดท้ายอาจเทียบเท่าหรือต่ำกว่าพันธบัตรของรัฐบาลสหรัฐ

ตามเอกสารเสนอขายพันธบัตรครั้งก่อนที่บลูมเบิร์กเห็น พันธบัตรจีนจะมีการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แนสแดค ดูไบ (Nasdaq Dubai) และจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง

จีนขายพันธบัตรเป็นจำนวน 2,000 ล้านยูโร (ราว 73,000 ล้านบาท) ในกรุงปารีสเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่าน ซึ่งเป็นการขายพันธบัตรสกุลเงินยูโรครั้งแรกในรอบสามปี

ADVERTISMENT

จีนประกาศแผนสนับสนุนเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ในเดือนตุลาคม กระทรวงการคลังประกาศมาตรการขยายเพดานหนี้ให้กับรัฐบาลท้องถิ่นเป็น 35.52 ล้านล้านหยวน (ประมาณ 169.10 ล้านล้านบาท) รวมถึงมีการให้กู้เป็นวงเงิน 6 ล้านล้านหยวน (ประมาณ 28.56 ล้านล้านบาท) ในวันที่ 8 พฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยปราศจากมาตรการกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ