5 ประเด็น ‘การค้า’ ที่เป็นไฮไลต์ใน World Economic Forum 2025

บรรยากาศในงานประชุม World Economic Forum 2025
บรรยากาศในงานประชุม World Economic Forum 2025

ในการประชุมประจำปี 2025 ของเวิลด์ อีโคโนมิก ฟอรัม (World Economic Forum) ที่เมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ช่วงวันที่ 20-24 มกราคม 2025 หัวข้ออภิปรายด้าน “การค้า” ได้รับความสนใจมากเป็นพิเศษ เนื่องจากประเด็นภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ของสหรัฐ และความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์และภูมิเศรษฐศาสตร์ในช่วงปีหลัง ๆ มานี้

จากหัวข้อใหญ่ด้านการค้า มีประเด็นแยกย่อยหลายประเด็นที่ WEF สรุปเป็นไฮไลต์ดังต่อไปนี้

“ภาษีศุลกากร” กับสงครามการค้า

โดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ประธานาธิบดีสหรัฐกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุม WEF 2025 ผ่านระบบออนไลน์เมื่อวันที่ 23 มกราคม โดยให้คำมั่นว่าจะลดภาษีเงินได้นิติบุคคลในสหรัฐ และเรียกเก็บภาษีศุลกากรจากบริษัทที่ไม่ได้ผลิตในสหรัฐ ทั้งยังกล่าวว่าการขาดดุลการค้าของสหรัฐกับแคนาดาจะได้รับการแก้ไข โดยแคนาดาจะกลายเป็นรัฐที่ 51 ของสหรัฐ

แม้จะมีการกล่าวสุนทรพจน์เกี่ยวกับการค้าที่แข็งกร้าวของทรัมป์ แต่ เอ็นโกซี โอคอนโจ-อิเวียลา (Ngozi Okonjo-Iweala) ผู้อำนวยการใหญ่องค์การการค้าโลก (World Trade Organization: WTO) ได้เรียกร้องให้ผู้เข้าร่วมการประชุม WEF 2025 ทำใจให้ “ชิล ๆ” และหลีกเลี่ยงการพูดจาใด ๆ ที่จะนำโลกเข้าสู่สงครามการค้า ประมาณว่า “อย่าชี้โพรงให้กระรอก”

โลกาภิวัตน์สองขั้วก็เป็นโลกาภิวัตน์อีกแบบ

ผู้เข้าร่วม WEF 2025 ถกเถียงกันถึงความรุนแรงของการแยกตัวของเศรษฐกิจโลกซึ่งมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้น ในบางการประมาณการระบุว่า การค้าที่อิงกับกลุ่มภูมิรัฐศาสตร์อาจสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจโลกได้มากถึง 6.75 ล้านล้านดอลลาร์ (ประมาณ 226 ล้านล้านบาท)

แต่ขณะเดียวกัน ผู้เข้าร่วมงานบางส่วนไม่ได้มองโลกในแง่ร้ายขนาดนั้น อย่างเช่น จิลส์ โมเอ็ก หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของแอ็กซา กรุ๊ป (AXA Group) กลุ่มธุรกิจการเงินและประกันรายใหญ่ของโลกจากฝรั่งเศส มองว่าการแยกส่วนทางเศรษฐกิจ (Economic Fragmentation) กับการเติบโตอย่างต่อเนื่องของการค้าโลกนั้นไม่ใช่สิ่งที่ขัดแย้งกัน กล่าวคือแม้ว่าจะมีการแยกส่วนทางเศรษฐกิจ แต่การค้าโลกก็ยังเพิ่มขึ้นได้ เพียงแต่สิ่งที่จะต่างออกไปคือ แต่ละประเทศอาจจะไม่ได้ค้าขายให้ประเทศเดิมที่เคยค้าขายกันมาในอดีต

ADVERTISMENT

ทั้งนี้ การอภิปรายเกี่ยวกับการค้าเน้นไปที่เรื่องการรวมศูนย์ห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain Concentration) และข้อดี-ข้อเสียของการกระจายความเสี่ยง

“เราได้เห็นการรวมศูนย์ห่วงโซ่อุปทาน หรือการผลิตในหลาย ๆ ส่วน เราจำเป็นต้องสร้างความสามารถในการรับมือความเปลี่ยนแปลง (Resilience) ด้วยสิ่งที่เรียกว่า การกลับมาใหม่ของโลกาภิวัฒน์ (Re-Globalization) โลกจำเป็นต้องลดการรวมศูนย์ของห่วงโซ่อุปทานบางส่วนลง เพื่อให้เราสามารถสร้าง Resilience ได้” ผู้อำนวยการใหญ่ WTO กล่าว

ADVERTISMENT

ขณะที่ผู้เข้าร่วมบางส่วนโต้แย้งว่า การค้าระหว่างประเทศจำเป็นต้องปรับให้เข้ากับความมั่นคงของชาติ อย่างเช่น ดิก ชอฟ (Dick Schoof) นายกรัฐมนตรีเนเธอร์แลนด์ที่กล่าวว่า สำหรับประเทศที่ถือครองเทคโนโลยีก็จำเป็นต้องมีการควบคุมการส่งออกเทคโนโลยีขั้นสูงในระดับหนึ่ง เพื่อให้มั่นใจได้ว่าประเทศของตนเองมีอำนาจตัดสินใจทางยุทธศาสตร์

หาพันธมิตรใหม่

แม้ว่าความสัมพันธ์กับพันธมิตรแบบดั้งเดิมอาจดูเหมือนจะไม่มั่นคง พันธมิตรใหม่ ๆ ก็เกิดขึ้นเช่นกัน และอาจช่วยแก้ไขหรือลดผลกระทบของการแยกตัวทางเศรษฐกิจได้

มารอส เซฟโควิช (Maros Sefcovic) กรรมาธิการด้านการค้าของสหภาพยุโรป หรืออียู (EU) ได้เน้นย้ำให้เห็นถึงความสำคัญของการแสวงหาพันธมิตรและคู่ค้าใหม่ ๆ และได้ยกตัวอย่างข้อตกลงความร่วมมือระหว่างสหภาพยุโรปกับเมอร์โคซูร์ (EU-Mercosur Partnership Agreement) การยกระดับความร่วมมือระหว่างอียูกับเม็กซิโก และการที่อียูกลับมาเจรจาการค้ากับอินเดียและมาเลเซียอีกครั้ง

เตรียมตัวให้พร้อมไว้ก่อน

ไม่ว่าอนาคตของการค้าจะเป็นอย่างไร ภาคธุรกิจที่เข้าร่วมการประชุมบอกว่า พวกเขากำลังเร่งเตรียมการเพื่อรับมือกับความไม่แน่นอนของการค้า

ในรายงานฉบับใหม่ของ WEF ซึ่งจัดทำ ร่วมมือกับสถาบันนานาชาติเพื่อการพัฒนาการบริหารจัดการ (IMD Business School) ในสวิตเซอร์แลนด์ และบอสตัน คอนซัลติง กรุ๊ป (Boston Consulting Group) บริษัทที่ปรึกษาธุรกิจชื่อดังจากสหรัฐ ได้แนะนำให้ธุรกิจต่าง ๆ ปรับปรุงเรดาร์ด้านภูมิรัฐศาสตร์ของตนเอง ซึ่งนั่นหมายถึงการสร้างความสามารถในการติดตาม ประเมิน และตอบสนองต่อความเปลี่ยนแปลงทางภูมิรัฐศาสตร์ที่อาจส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานหรือองค์กร ก่อนที่จะกลายเป็นวิกฤตเต็มรูปแบบ

ให้ความสำคัญกับ TradeTech อย่างจริงจัง

WEF เน้นย้ำความสำคัญของ “เทรดเทค” (TradeTech) อันหมายถึงเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ช่วยให้กระบวนการทางการค้ามีประสิทธิภาพ ครอบคลุม เท่าเทียม และยั่งยืนมากขึ้น

WEF มองว่าการค้าและเทคโนโลยีมีความเชื่อมโยงกันมากขึ้น โซลูชั่นทางดิจิทัลมีศักยภาพอย่างมากในการรับมือความท้าทายด้านการค้าในระดับโลก