
อุตสาหกรรมพลังงานหมุนเวียนของจีนจะเป็นอย่างไรต่อ หลังล่าสุดทางการจีนประกาศยกเลิกมาตรการอุดหนุนพลังงานสะอาด ท่ามกลางซัพพลายแผงโซลาร์ที่ล้นตลาด ขณะที่การขยายตัวของพลังงานหมุนเวียนของจีนทะลุเป้าปี 2030 เป็นที่เรียบร้อย
นโยบายใหม่ของจีนทำให้ผู้ผลิต “โซลาร์เซลล์” ต้องกุมขมับ จากการผลิตแผงโซลาร์ที่ล้นเกินเมื่อเทียบกับดีมานด์ทั่วโลก
โดยที่ผ่านมาโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนของจีนมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างมาก ผลจากมาตรการอุดหนุนต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการสนับสนุนทางการเงิน จนถึงการกำหนดราคาคงที่
และปี 2024 ที่ผ่านมา จีนทำลายสถิติการติดตั้งพลังงานแสงอาทิตย์ใหม่ ด้วยกำลังการผลิตติดตั้งเพิ่มขึ้น 45% จากปีก่อนหน้า
ข้อมูลจากสำนักงานพลังงานทดแทนระหว่างประเทศระบุว่า ปัจจุบันจีนมีกำลังการผลิตพลังงานแสงอาทิตย์สะสมเกือบ 887 จิกะวัตต์ ซึ่งมากกว่ากำลังการผลิตของสหรัฐอเมริกาถึง 6 เท่า
และกำลังการผลิตพลังงานลม 520 จิกะวัตต์ ทำให้จีนมีกำลังการผลิตพลังงานหมุนเวียนรวม 1,407 จิกะวัตต์ หรือ 40% ของกำลังการผลิตไฟฟ้าทั้งหมดในประเทศจีน แซงหน้าพลังงานถ่านหิน
การติดตั้งที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วส่งผลให้จีนบรรลุเป้าหมายในการผลิตพลังงานสะอาด ปี 2030 (1,200 จิกะวัตต์) ก่อนกำหนดถึง 6 ปี
ตอกย้ำความรวดเร็วในการขยายตัวของพลังงานสะอาดต่อระบบเศรษฐกิจ ในช่วงเวลาที่ประธานาธิบดี “โดนัลด์ ทรัมป์” ดึงสหรัฐออกจากข้อตกลงด้านสภาพอากาศที่ปารีสเป็นครั้งที่สอง และประกาศนโยบายให้ดำเนินการขุดเจาะน้ำมันและก๊าซเพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตาม แนวโน้มดังกล่าวอาจเปลี่ยนแปลงไป โดยเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2025 คณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติจีน (NDRC) ร่วมกับสำนักงานบริหารพลังงานแห่งชาติจีนออกประกาศว่าจะลดการอุดหนุนโครงการพลังงานหมุนเวียน เพราะต้องการผลักดันพลังงานสะอาดให้เติบโตในระยะยาวผ่านการแข่งขันด้วย “กลไกตลาด” พร้อมกำชับให้รัฐบาลท้องถิ่นทั่วประเทศปฏิบัติตามนโยบาย
NDRC ระบุว่า กำลังการผลิตพลังงานสะอาดทุกประเภทของจีนสูงถึงมากกว่า 40% ของพลังงานทั้งหมด ส่วนหนึ่งเป็นเพราะมาตรการอุดหนุนด้วยระบบ “รับประกันราคา” พลังงานหมุนเวียนที่ขายให้กับโครงข่ายไฟฟ้า แต่นโยบายใหม่จะทำให้โครงการพลังงานหมุนเวียนใหม่ ๆ ที่แล้วเสร็จหลังเดือนมิถุนายนปีนี้ จะต้องจ่ายค่าไฟฟ้าด้วย “ราคาประมูลตามตลาด”
โดย NDRC คาดว่าหลังนโยบายดังกล่าวจะไม่มีผลกระทบต่อราคาไฟฟ้าของภาคครัวเรือนและเกษตรกรรม และราคาไฟฟ้าพื้นฐาน สำหรับภาคอุตสาหกรรมและการพาณิชย์
“หลิว หม่านผิง” นักเศรษฐศาสตร์จากคณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติจีน กล่าวว่า แม้จีนจะเป็นผู้นำด้านพลังงานหมุนเวียนในระดับโลก แต่เพื่อการเติบโตที่ยั่งยืนในระยะยาว อุตสาหกรรมดังกล่าวจำเป็นต้องมีการแข่งขันในระบบตลาด
นอกจากนี้ กลไกราคาตลาดจะช่วยลดปัญหาจากการผลิตล้นเกินในปัจจุบัน และการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวจะช่วยผลักดันให้เกิดความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีอื่น ๆ อีกนอกจากพลังงานแสงอาทิตย์และพลังลมด้วย รัฐบาลจีนจึงต้องการผลักดันให้มีการแข่งขันเพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับอุตสาหกรรมพลังงานสะอาด
“เยี่ยน ชิง” นักวิเคราะห์จากเคลียร์บลู มาร์เก็ต บริษัทที่ปรึกษาด้านปริมาณคาร์บอนจากแคนาดา กล่าวว่า เห็นได้ชัดว่าทางการจีนมองว่าภาคพลังงานหมุนเวียนสุกงอมเพียงพอแล้ว และไม่มีความจำเป็นที่จะต้องอุดหนุนอีกต่อไป อย่างไรก็ตาม ทางการจีนยังคงระมัดระวังไม่ให้ค่าไฟเพิ่มขึ้นจนส่งผลกระทบผู้ใช้ไฟฟ้าปลายทางเช่นกัน
อย่างไรก็ดี การอุดหนุนที่น้อยลงสำหรับโซลาร์ฟาร์มแห่งใหม่อาจเพิ่มแรงกดดันต่ออุตสาหกรรมพลังงานแสงอาทิตย์ของจีน ซึ่งกำลังการผลิตส่วนเกินล้นความต้องการทั่วโลก ส่งผลให้ราคาแผงโซลาร์ดิ่งลง และอาจทำให้ผู้ผลิตแผงโซลาร์รายย่อยเข้าสู่ภาวะล้มละลายได้