
ซีเอ็นเอ็นรายงานว่า เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ศาลได้ตัดสินให้บริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน จ่ายเงินชดเชยจำนวน 417 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1.3 หมื่นล้านบาท ให้แก่หญิงแคลิฟอร์เนีย หลังหญิงคนดังกล่าวป่วยเป็นมะเร็งรังไข่เนื่องจากใช้แป้งจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน เบบี้ พาวเดอร์ มาเป็นเวลาหลายสิบปี โดยในเงินชดเชย 417 ล้าน แบ่งออกเป็น ค่าชดเชยความเสียหาย 70 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และค่าเสียหายเพื่อการลงโทษ 347 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
โดยหญิงคนดังกล่าวมีชื่อว่า อีวา อีเชเวอร์เรีย วัย 63 ปี จากลอสแองเจลิส กล่าวว่า เธอใช้แป้งดังกล่าวเป็นประจำในบริเวณที่เป็นจุดสุขอนามัยของเพศหญิงมาตั้งแต่ 11 ขวบ และหยุดใช้ในปี 2016 หลังจากอ่านข่าวเกี่ยวกับหญิงรายหนึ่งที่ใช้แป้งดังกล่าวและป่วยเป็นมะเร็งรังไข่
- เช็กเงื่อนไขกู้ “ออมสิน” ปลดหนี้นอกระบบ คุณสมบัติผู้กู้ต้องมีอะไรบ้าง ?
- ขั้นตอนลงทะเบียนแก้หนี้นอกระบบ ออนไลน์ debt.dopa.go.th ทำอย่างไร
- เช็กเงินช่วยเหลือชาวนาไร่ละ 1,000 บาท เข้าบัญชีวันนี้ 5 จังหวัด
อีเชเวอร์เรียเป็นหญิงคนแรกในหลายร้อยคนในแคลิฟอร์เนียที่คดีถูกตัดสิน โดยคณะลูกขุนจากที่อื่นได้ส่ง 4 คำตัดสินให้กับจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน แล้ว ขณะที่อีกเคสหนึ่งในนิวเจอร์ซีย์นั้นศาลตัดสินให้ยกฟ้อง ทั้งนี้ ขณะนี้มีเคสที่คล้ายกับกรณีดังกล่าวกำลังผ่านเข้าสู่รัฐและกระบวนการศาลอีกเป็นจำนวนมาก
โดยอีเชเวอร์เรียยืนยันว่า ควรจะมีคำเตือนบนฉลากสินค้า เธอจะได้หยุดใช้
ด้านตัวแทนของบริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอนห์สัน เปิดเผยว่า ไม่มีข้อผูกพันทางกฎหมายที่จะต้องติดฉลากว่ามีแป้งทัลคัมบนผลิตภัณฑ์ เนื่องจากทัลคัมเป็นแป้งที่อนุญาตให้ใช้ในเครื่องสำอางได้แบบถูกกฎหมาย จึงไม่จำเป็นต้องได้รับการทบทวนโดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาสหรัฐฯ เช่นเดียวกับยาเสพติด แต่ต้องมีการติดฉลากส่วนผสมและข้อมูลอื่น ๆ อย่างถูกต้อง และผลิตภัณฑ์ “ต้องปลอดภัยต่อผู้บริโภคสำหรับการใช้งาน ภายใต้เงื่อนไขการใช้ฉลาก หรือเงื่อนไขการใช้งาน”
ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์บางอย่างที่มีแป้งทัลคัมเป็นส่วนประกอบที่วางขายอยู่ในท้องตลาดนั้น จะมีฉลากเตือนถึงความเสี่ยงที่อาจก่อให้เกิดมะเร็งรังไข่หากใช้บ่อยๆ ที่บริเวณอวัยวะเพศหญิง