สำนักข่าวซีเอ็นบีซีระบุว่า “หัวเว่ย” บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ของจีนเปิดเผยรายได้ในช่วงสองไตรมาสแรกของปี 2019 ซึ่งสูงขึ้นถึง 23.2% จากปีที่ผ่านมา แม้ว่าจะเผชิญความตึงเครียดจากสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐอเมริกา
โดยบริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 58,260 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่อัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 8.7% โดยมีรายได้จากยอดขายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของหัวเว่ยรวม 21,280 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีการจำหน่ายสมาร์ทโฟนทั้งสิ้นราว 118 ล้านเครื่องโดยที่ 64% จำหน่ายในประเทศจีน
- กรมอุตุฯเตือน 6-12 พ.ค.นี้ ลมเปลี่ยนทิศ-แปรปรวน ฝนตกหนัก ท่วมฉับพลัน
- เปิดราคา Trade In “iPad” ก่อนเปิดตัวรุ่นใหม่ ลดสูงสุด 23,200 บาท
- เผยยอดจดทะเบียนรถ EV เดือนเมษายน BYD Dolphin เสียแชมป์ Deepal S07
ทั้งนี้ หัวเว่ยระบุว่าการดำเนินงานของบริษัทยังคง “ราบรื่น” และ “องค์กรยังคงมีคุณภาพอย่างที่เคยเป็นมา” และขณะนี้หัวเว่ยได้มีสัญญา 5G เชิงพาณิชย์ถึง 50 สัญญากับบริษัทโทรคมนาคมชั้นนำทั่วโลก แม้ว่า จะหัวเว่ยจะต้องเผชิญกับข้อกล่าวหาว่า ทางการจีนสามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้งานผ่านอุปกรณ์ของหัวเว่ยได้ แม้บริษัทจะปฏิเสธข้อกล่าวหาโดยตลอด แต่หลายประเทศอย่าง สหรัฐ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และญี่ปุ่นยังคงห้ามบริษัทภายในประเทศทำธุรกิจร่วมกับหัวเว่ย
เลียง ฮัว (Liang Hua) ประธานบริษัทหัวเว่ย เทคโนโลยีส์ ระบุว่า รายได้ของหัวเว่ยเติบโตอย่างรวดเร็วจนถึงเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา “จากรากฐานที่เราวางเอาไว้อย่างมั่นคงทำให้เรายังเห็นถึงความเติบโตในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ แม้ว่าหัวเว่ยจะถูกขึ้นแบล็กลิสต์ของสหรัฐ แต่นั่นไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการก้าวไปข้างหน้าของเรา สิ่งนี้อาจส่งผลกระทบต่อการการเติบโตเพียงแค่ระยะเวลาสั้น ๆ”