สำนักข่าวเจแปนทูเดย์รายงานว่า สถานการณ์ผู้บริโภคหลังจากที่ทางการญี่ปุ่นประกาศปรับขึ้น “ภาษีเพื่อการบริโภค” (Consumption Tax) จาก 8% เป็น 10% ซึ่งมีผลบังคับใช้วันนี้ (1 ต.ค.) เป็นวันแรก โดยรัฐบาลญี่ปุ่นให้เหตุผลว่าจำเป็นต้องเพิ่มรายได้ เพื่ออุดหนุนสวัสดิการของรัฐให้กับประชากรสูงอายุของญี่ปุ่นที่มีจำนวนเพิ่มสูงขึ้น ขณะที่อัตราการเกิดของประชากรลดต่ำลง
การปรับขึ้นภาษีเพื่อการบริโภคครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปี หลังที่ถูกเลื่อนมาถึง 2 ครั้ง โดยหลังจากที่มีผลบังคับใช้ในวันนี้ได้สร้างความสับสนให้กับร้านค้าและผู้บริโภคเล็กน้อย เนื่องจากอาหารและสินค้าอุปโภคบริโภคที่ใช้ในชีวิตประจำวันบางส่วนได้รับการยกเว้นอัตราภาษีใหม่ เนื่องจากรัฐบาลกังวลว่า การปรับขึ้นภาษีครั้งนี้จะส่งผลให้ผู้บริโภคใช้จ่ายน้อยลงและกระทบต่อเศรษฐกิจในภาพรวม
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
- โปรดเกล้าฯ พระราชทานยศ ข้าราชการในพระองค์ฝ่ายทหาร 3 ราย
- ยูโอบี ย้ำลูกค้าบัตรเครดิตซิตี้ ยังใช้งานได้ปกติ แจงสิ่งควรรู้หลังโอนพอร์ต
แต่อัตราภาษีที่แตกต่างกันในรายละเอียดได้สร้างความสับสนเล็กน้อยให้กับผู้บริโภค ที่ยังไม่เคยชินกับข้อกับกำหนดแบบใหม่ อย่างเช่น อาหาร เครื่องดื่ม และสินค้าบางรายการยังคงเก็บภาษีที่ 8% เช่นเดิม ขณะที่เครื่องดื่มแอลกอฮอลและสินค้านอกเหนือจากที่ได้รับการยกเว้นจะถูกเก็บภาษีในอัตรา 10%
ขณะที่ “อาหาร” ที่รับประทานในร้านอาหารหรือร้านค้าจะถูกเก็บภาษีในอัตรา 10% แต่หากซื้อเพื่อนำกลับไปรับประทานที่บ้านจะยังเก็บภาษีในอัตรา 8% เช่นเดิม
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลญี่ปุ่นยังคงประเมินว่าเศรษฐกิจของญี่ปุ่นจะยังคงขยายตัว จากความต้องการภายในประเทศที่ยังแข็งแกร่ง แต่ก็มีความเสี่ยงจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก และความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีนที่เพิ่มสูงขึ้น
การปรับขึ้นภาษีครั้งนี้คาดว่าจะสร้างรายได้ให้รัฐบาลราว 5.7 ล้านล้านเยนต่อปี (52,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งจะถูกนำไปใช้ปรับปรุงระบบประกันสังคมสำหรับผู้สูงอายุ แต่นักเศรษฐศาสตร์บางรายระบุว่า การปรับขึ้นภาษีอาจทำให้การใช้จ่ายของประชาชนลดลง ซึ่งจะส่งผลกระทบการเติบโตของจีดีพีของญี่ปุ่นในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ ซึ่งชะลอตัวมาอย่างต่อเนื่องก่อนหน้านี้
