“ญี่ปุ่น” ขยายภาวะฉุกเฉินทั่วประเทศถึงสิ้นเดือนนี้ แต่พร้อมผ่อนคลายตามสถานการณ์

REUTERS/Kim Kyung-Hoon

สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า รัฐบาลญี่ปุ่น ได้ขยายระยะเวลาประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินทั่วประเทศอย่างเป็นทางการไปจนถึงวันที่ 31 พ.ค. 2020 แต่ระบุว่าจะมีการพิจารณาผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรคบางประการ เพื่อช่วยฟื้นคืนกิจกรรมทางเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19

นายกรัฐมนตรีชินโสะ อาเบะ ของญี่ปุ่นเปิดเผยหลังสิ้นสุดการประชุมคณะทำงานเฉพาะกิจว่า เดือน พ.ค.นี้ “จะเป็นอีกหนึ่งเดือนที่เราตั้งเป้าในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินของประเทศ และเป็นช่วงเตรียมความพร้อมสำหรับก้าวต่อไป”

ซึ่งการขยายเวลาครั้งนี้เป็นผลการประเมินของเจ้าหน้าที่และผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขของญี่ปุ่นที่มองว่า ญี่ปุ่นยังไม่สามารถควบคุมโรคระบาดได้ โดยยังคงมีจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันค่อนข้างสูงและมีทรัพยากรทางการแพทย์ไม่เพียงพอต่อการรองรับผู้ป่วย อีกทั้งช่วงปลายเดือน เม.ย.- ต้นเดือน พ.ค. จะเป็นช่วงวันหยุดยาวของญี่ปุ่น ซึ่งรัฐบาลเกรงว่าจะมีการรวมตัวของผู้คนเป็นจำนวนมาก หากมีการผ่อนคลายภาวะฉุกเฉิน ซึ่งอาจนำไปสู่จำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มสูงขึ้น

อย่างไรก็ตาม นายอาเบะระบุว่า การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินอาจยุติลงก่อนกำหนด ขึ้นอยู่กับการประเมินสถานการณ์ของผู้เชี่ยวชาญในวันที่ 14 พ.ค. นี้ โดยจะพิจารณาทั้งในระดับประเทศและระดับภูมิภาค รวมถึงประเมินความพร้อมของหน่วยงานด้านสาธารณสุขของญี่ปุ่น เพื่อตัดสินใจว่ามีความเป็นไปได้มากน้อยเพียงใดที่จะยกเลิกสถานการณ์ฉุกเฉินก่อนสิ้นเดือน พ.ค.

ทั้งนี้ รัฐบาลญี่ปุ่นจะทบทวนแนวทางการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจและสังคม ในช่วงหลังการยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยอาจมีการแนะนำให้งดเว้นการออกไปทำกิจกรรมที่ไม่มีความจำเป็น และปิดกิจการบางส่วนเป็นการชั่วคราวในจังหวัดที่มีจำนวนผู้ป่วยสูง

นอกจากนี้ รัฐบาลยังขอความร่วมมือจากประชาชนให้งดเว้นการติดต่อกันแบบตัวต่อตัว แต่สถานที่สาธารณะบางแห่งอย่าง สวนสาธารณะและพิพิธภัณฑ์อาจได้รับอนุญาตให้เปิดทำการอีกครั้ง หากมีมาตรการรักษาระยะห่างทางสังคมอย่างเพียงพอและมีการฆ่าเชื้อไวรัสอย่างทั่วถึง แต่ทางการญี่ปุ่นยังขอให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการเดินทางข้ามจังหวัดและปฏิบัติตามแนวทาง “วิถีชีวิตรูปแบบใหม่” โดยเฉพาะการรักษาระยะห่างทางสังคมและการหลีกเลี่ยงพื้นที่แออัด

ปัจจุบันประเทศญี่ปุ่นมีจำนวนผู้ติดเชื้อสะสมมากกว่า 15,000 คนและมีผู้เสียชีวิตแล้วราว 530 ราย แต่ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่าจำนวนผู้ติดเชื้อที่แท้จริงอาจมีสูงกว่านี้มาก แต่ยังไม่ถูกตรวจพบเนื่องจากกระบวนการตรวจหาเชื้อของญี่ปุ่นที่ยังมีข้อกำจัด รวมถึงผู้ติดเชื้อแฝงที่ไม่แสดงอาการยังอาจมีอีกเป็นจำนวนมาก