สนั่นวงการ! เคป็อปชื่อดัง ‘BTS’ กลายเป็นเศรษฐีร่วมถือหุ้นต้นสังกัด “Big Hit”

BTS ร่วมถือหุ้นต้นสังกัด

“บิ๊ก ฮิต เอ็นเตอร์เทนเมนท์” ต้นสังกัดบอยแบนด์เกาหลีชื่อดัง BTS เตรียมขายหุ้นไอพีโอ ต.ค.นี้ ดันมูลค่าบริษัททะลุ 1.2 แสนล้านบาท ประกาศแบ่งหุ้นให้สมาชิกทั้ง 7 ของ BTS เพื่อสร้างความสัมพันธ์แบบเหนียวแน่น

สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานเมื่อ 3 กันยายน 2563 ว่า บริษัท บิ๊ก ฮิต เอ็นเตอร์เทนเมนท์ (Big Hit Entertainment) ต้นสังกัดวงเคป็อปบอยแบนด์ชื่อดัง BTS เตรียมยื่นเสนอขายหุ้นต่อสาธารณะครั้งแรก(IPO) ที่คาดว่าจะสามารถระดมทุนได้ถึง 962.6 พันล้านวอน หรือ 2.54 หมื่นล้านบาท

ทั้งนี้ บิ๊ก ฮิต เอนเตอร์เทนเมนท์ กำหนดที่จะเสนอขายหุ้นจำนวน 7.1 ล้านหุ้นในราคา 105,000-135,000 วอน/หุ้น ซึ่งหากขายในราคาสูงสุดจะทำให้มูลค่าของบริษัทสูงถึง 4.8 ล้านล้านวอนหรือประมาณ 1.27 แสนล้านบาท

และที่สร้างความสนใจให้กับแฟนเพลงก็คือทางต้นสังกัดบิ๊กฮิตฯ แจ้งว่าจะให้กับสมาชิกทั้ง7ของวงเคป็อปBTS ร่วมเป็นผู้ถือหุ้นบริษัท

“บัง ชี ฮยอก” ซีอีโอและผู้ถือหุ้นใหญ่ของบิ๊ก ฮิต เอ็นเตอร์เทนเมนท์ระบุว่าจะมอบหุ้นสามัญ 478,695 หุ้นให้กับสมาชิกทั้ง7 ของวง BTS หรือคนละ 68,385 หุ้น เพื่อสร้างความสัมพันธ์เหนียวแน่นระยะยาวกับกลุ่มศิลปิน ทั้งเป็นการเพิ่มขวัญและกำลังใจในการทำงานให้กับกลุ่มศิลปิน

โดยสมาชิกทั้ง 7 คนของวงเคป็อป BTS จะได้รับส่วนแบ่งหุ้นมูลค่ากว่า 9.23 พันล้านวอน (ประมาณ 243.75 ล้านบาท) หากการเสนอขายหุ้นไอพีโอบิ๊กฮิตฯ ในเดือนตุลาคมนี้ ใช้ราคาสูงสุดที่กำหนด

BTS ร่วมถือหุ้นต้นสังกัด 3

“คิม ฮยอน ยง” นักวิเคราะห์จากบริษัทการลงทุนและหลักทรัพย์อีเบส (eBEST Investment & Securities) กล่าวว่าการมอบหุ้นดังกล่าวให้กับสมาชิกวงดนตรี BTS อาจประเมินได้ว่าเป็นความพยายามที่จะผูกมัดสมาชิกของวงกับค่ายเพลงให้มีความใกล้ชิดกันมากยิ่งขึ้น

ขณะที่ความนิยมของศิลปิน/นักร้องเกาหลีอย่าง ‘BTS’ ยังคงได้รับกระแสความชื่นชมอย่างต่อเนื่อง และสัปดาห์ที่ผ่านมา เพลงดิสโก้สุตฮิตอย่าง ‘Dynamite’ ซึ่งเป็นซิงเกิ้ลแรกในเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษที่ครองใจกลุ่มแฟนเพลงป็อปกระแสหลักในสหรัฐอเมริกาติดอันดับ 1 ในชาร์ตเพลงหลักบนบิลบอร์ดของสหรัฐอเมริกา โดยมีผู้เข้าชมคลิปวิดีโอ ‘YouTube’ มากกว่า 284 ล้านครั้งในชั่วข้ามคืน

ด้าน “นัม ฮโย จิ” นักวิเคราะห์จาก KTB Investment and Securities กล่าวว่า วงดนตรีเคป็อป BTS สร้างรายได้ให้กับบริษัทบิ๊กฮิตฯ จำนวนมหาศาล โดยในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ สร้างรายได้ให้กับบริษัทคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 87.8% อย่างไรก็ตามผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด-19 ก็ทำให้การแสดงคอนเสิร์ตห่างหายไป ซึ่งก็อาจมีผลกระทบเชิงลบต่อราคาหุ้นตามมา