เศรษฐกิจจีนฟื้นเร็ว-แรง ข่าวดี ! ประเทศผู้ส่งออก

เศรษฐกิจจีนดีขึ้น
(Photo by NOEL CELIS / AFP)
ชีพจรเศรษฐกิจโลก
ไพรัตน์ พงศ์พานิชย์

สถานการณ์เศรษฐกิจจีนถูกจับตามองจากทั่วโลก เหตุผลสำคัญก็คือ หากการฟื้นตัวในจีนเป็นไปด้วยดี สามารถดำรงตัวอยู่ได้ จะส่งผลให้ความต้องการสินค้าจากนานาประเทศฟื้นกลับมาใหม่

ภายใต้สถานการณ์วิกฤตโควิด-19 อย่างนี้ การนำเข้าจากจีนกลายเป็นความหวังไปอย่างช่วยไม่ได้

แม้แต่ “คริสตาลีนา จอร์จีวา” กรรมการผู้จัดการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ยังยืนยันว่า การฟื้นฟูเศรษฐกิจของจีนยิ่งดีขึ้นมากเท่าใด ยิ่งช่วยเศรษฐกิจโลกได้มากเท่านั้น

ดังนั้นเมื่อสำนักงานสถิติแห่งชาติ (เอ็นบีเอส) ของจีนแถลงภาวะเศรษฐกิจของจีนในไตรมาสที่ 3 ออกมาว่า การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของจีนไม่เพียงยังคงอยู่ต่อเนื่อง แต่ยังเร่งเร็วขึ้นกว่าเดิม ก็กลายเป็นข่าวดีเกี่ยวกับโควิด-19 ข่าวเดียวที่ได้รับรู้กันทั่วโลก

ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของจีนระหว่างเดือน ก.ค.จนถึงเดือน ก.ย.ขยายตัวสูงขึ้น 4.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา แม้ว่าจะต่ำกว่าที่หลายคนคาดหมายไว้ แต่ก็เป็นการขยายตัวเร็วขึ้นมากหากเทียบกับ 3.2% เมื่อไตรมาสที่ 2 ของปี

เท่ากับว่าช่วง 9 เดือนของปีนี้จีดีพีของจีนที่มีขนาดเศรษฐกิจเป็นอันดับสองของโลก ขยายตัวเป็นบวกแล้วที่ 0.7%

ทั้ง ๆ ที่โฆษกของ เอ็นบีเอส ยอมรับว่า ดัชนีบ่งชี้สภาวะเศรษฐกิจส่วนใหญ่ยังไม่ฟื้นกลับมาสู่ระดับการขยายตัวปกติก่อนหน้าที่จะมีการระบาด บางตัวยังลดลงด้วยซ้ำไป แต่ทั้งหมดก็ยังคงอยู่ภายใต้กระบวนการการฟื้นตัวอย่างชัดเจน

ประเด็นที่น่าสนใจที่สุดเห็นจะเป็นการขยายตัวของการค้าปลีก ขณะที่ภาคการผลิตก็ยังเติบโตแข็งแกร่งอยู่ต่อไป โดยเดือน ก.ย. ที่ผ่านมาค้าปลีกในจีนเพิ่มขึ้น 3.3% เทียบกับปีก่อนหน้า

ปรับตัวสูงขึ้นอย่างชัดเจนจากการขยายตัวแค่ 0.5% เมื่อเดือนส.ค. ถือเป็นตัวเลขการขยายตัวรายเดือนสูงที่สุดนับตั้งแต่เดือน ธ.ค.ปี 2019

การลงทุนในสินทรัพย์คงที่ในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ก็เพิ่มขึ้น 0.8% เป็นตัวเลขที่้เป็นบวกครั้งแรกของปีนี้

ที่ผ่านมาการบริโภคภายในของจีนยังชะลอตัวอยู่ในระดับต่ำมาก แม้ว่าภาคการผลิตจะฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งมาตั้งแต่ช่วงไตรมาส 2 ก็ตาม สาเหตุสำคัญก็คือการตกงานที่เกิดขึ้นอย่างเฉียบพลันและรุนแรง บวกกับความกังวลไม่แน่ใจเกี่ยวกับการแพร่ระบาด ที่ทำให้ผู้บริโภคชาวจีนพากันเก็บตัวอยู่บ้านต่อไป แม้มาตรการของทางการจะยกเลิกไปแล้วก็ตาม

ในไตรมาสที่สาม ไม่เพียงภาคค้าปลีกของจีนจะกลับมาเติบโตเท่านั้น การเดินทางท่องเที่ยวก็ฟื้นตัวอีกครั้งในเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา เที่ยวบินภายในประเทศเพิ่มขึ้นมากกว่าที่ผ่าน ๆ มา ในสถานการณ์โควิด

นักวิเคราะห์อย่าง “โยชิคิโย ชิมามิเนะ” หัวหน้าคณะนักเศรษฐศาสตร์ของ สถาบันวิจัยไดอิจิ ไลฟ์ ยังคงไม่วางใจกับสถานการณ์โดยรวมทั้งหมด บอกว่า ในส่วนของจีนนั้นเห็นได้ชัดเจนว่ากำลังก้าวเดินไปบนเส้นทางของการฟื้นตัว การจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคก็เป็นไปในทิศทางที่ถูกต้อง แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่สามารถบอกได้เต็มปากเต็มคำว่า เศรษฐกิจจีนปลอดจากแรงฉุดที่เกิดขึ้นจากการแพร่ระบาดได้เรียบร้อยแล้ว

เหตุผลก็คือในอีกหลาย ๆ ประเทศ โดยเฉพาะในยุโรปและสหรัฐอเมริกากำลังมีการระบาดที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น หากประเทศเหล่านี้ต้องกลับมาใช้มาตรการ “ล็อกดาวน์” อีกครั้ง ก็จะเกิดแรงกดดันที่เป็นอันตรายต่อการบริโภคในประเทศเหล่านั้น อาจส่งผลให้เกิดภาวะว่างงานรุนแรงมากขึ้นไปอีก ซึ่งที่สุดก็จะกลายเป็นผลกระทบในทางลบต่อเศรษฐกิจจีนอยู่ดี

“แลร์รี หู” หัวหน้าทีมวิเคราะห์ประจำจีนของ แม็คควอรี แคปิตอล ในฮ่องกง บอกว่า เศรษฐกิจจีนดีขึ้นแทบจะในทุกด้าน เหลือเพียงดัชนีสำคัญอีกเพียงดัชนี

เดียวที่ต้องจับตาดูอยู่ต่อไป นั่นคือ “ภาคบริการ” ซึ่งกินความถึงการเดินทางท่องเที่ยว กิจการโรงแรมและสันทนาการต่าง ๆ ซึ่งทำให้เชื่อมั่นได้ว่า การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจจีนครั้งนี้จะต่อเนื่องยั่งยืนต่อไป ซึ่งจะกลายเป็นข่าวดีสำหรับประเทศทั่วโลกได้อย่างเต็มที่นั่นเอง