“โจ ไบเดน” เปิดตัว 6 ตำแหน่งทีมเศรษฐกิจสำคัญใน ครม.
เมื่อวันที่ 30 พ.ย. ที่ผ่านมา (ตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐ) “โจ ไบเดน” ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐได้เปิดตัว 6 ตำแหน่งทีมเศรษฐกิจสำคัญใน ครม. ที่ได้เสนอชื่อเพื่อรอสมาชิกวุฒิสภารับรอง ซึ่งแต่ละคนล้วนมีประวัติการทำงานกับพรรคเดโมแครตและองค์กรเศรษฐกิจต่าง ๆ ของสหรัฐ โดยแต่ละคนมีประวัติดังนี้
- สมชัย เลิศสุทธิวงค์ ซีอีโอ “เอไอเอส” สละโสดในวัย 62 ปี
- กองทุนประกันวินาศภัยถังแตก แจ้งชะลอจ่ายคืนหนี้ตั้งแต่ มี.ค.2567
- เรือชนสะพานถล่มในสหรัฐ กระทบเศรษฐกิจ การขนส่งสินค้าเป็นอัมพาต
“เจเน็ต เยลเลน” ซึ่งก่อนหน้านี้ไบเดนเคยแย้มไว้ว่าจะมานำทีมเศรษฐกิจ ล่าสุดยืนยันว่าจะเข้ารับตำแหน่ง “รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง” ซึ่งเจเน็ตได้เป็นผู้หญิงคนแรกที่ได้เป็นประธานธนาคารกลาง (FED) ช่วงปี 2014-2018 และเธอจะเป็นผู้หญิงคนแรกที่นั่งตำแหน่งนี้
“วอลลี่ อาเดอเยอโม่” รับตำแหน่ง “รองรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง” และได้เป็นคนเชื้อสายแอฟริกัน-อเมริกันที่นั่งตำแหน่งนี้ ก่อนหน้านี้เคยเป็นที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติด้านเศรษฐกิจระหว่างประเทศและรองผู้อำนวยการสภาเศรษฐกิจแห่งชาติสมัยที่บารัค โอบามา เป็นประธานาธิบดี จนได้มาเป็นประธานมูลนิธิ “เดอะ บารัค โอบามา ฟาว์นเดชั่น” ในปัจจุบัน
“นีร่า แทนเดน” รับตำแหน่ง “ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณและการจัดการ” ซึ่งเธอเคยเป็นที่ปรึกษาทางกฏหมายตั้งแต่ “บิล คลินตัน” เป็นประธานาธิบดีสหรัฐ จนได้มาเป็นที่ปรึกษาที่ทำให้โอบามา และ “ฮิลลารี คลินตัน” ได้เป็นผู้นำพรรคเดโมแครตเมื่อปี 2008 และ 2016 ตามลำดับ
“เซซิเลีย รูซ” รับตำแหน่ง “ประธานสภาเศรษฐกิจแห่งชาติ” ซึ่งเคยเป็นสมาชิกสภาเศรษฐกิจแห่งชาติช่วงที่โอบามาเป็นประธานาธิบดี นอกจากนี้เป็นนักเศรษฐศาสตร์ชื่อดังที่เป็นคณบดีสถาบัน “Princeton School of Public and International Affairs” สาขาเศรษฐศาสตร์และกิจการสาธารณะ
“จาเร็ด เบิร์นสไตน์” รับตำแหน่ง “สมาชิกสภาเศรษฐกิจแห่งชาติ” ซึ่งตอนนี้เป็นหนึ่งในหัวหน้าที่ปรึกษาเศรษฐกิจของประธานาธิบดี (CEA) และเคยเป็นพนักงานระดับสูงที่สถาบันนโยบายเศรษฐกิจสหรัฐ (EPI)
“เฮเตอร์ บุชชี่” รับตำแหน่ง “สมาชิกสภาเศรษฐกิจแห่งชาติ” ซึ่งตอนนี้หนึ่งในหัวหน้าที่ปรึกษาเศรษฐกิจของประธานาธิบดี (CEA) และเป็นนักเขียนหนังสือเศรษฐกิจชื่อ “Unbound: How Economic Inequality Constricts Our Economy and What We Can Do About It” ซึ่งไฟแนนเชี่ยลไทมส์เคยรายงานว่าเป็นหนึ่งในหนังสือเศรษฐกิจที่ดีที่สุดเมื่อปี 2019