สหภาพยุโรปจ่อวางมาตรการคว่ำบาตร มุ่งออกกฏหมายที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ของผู้บัญชาการทหาร และสหรัฐอเมริกาเตรียมวางมาตรการคว่ำบาตรเพิ่มกับผู้บัญชาการทหาร 2 คน ขณะที่ “พล.อ. มิน อ่อง หล่าย” ผู้บัญชาการกองทัพบกวางแผนพลิกฟื้นเศรษฐกิจประเทศ ตัดงบประมาณรัฐบาล ลดการนำเข้าสินค้า เน้นการส่งออกมากขึ้น
วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2564 สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงาน สหภาพยุโรป (อียู) จ่อวางมาตรการคว่ำบาตรผู้บัญชาการกองทัพเมียนมา ขณะที่สหรัฐอเมริกาเตรียมวางมาตรการคว่ำบาตรเพิ่มกับผู้บัญชาการทหาร 2 คน หวังกดดันให้กองทัพเลิกใช้ความรุนแรงต่อผู้ประท้วงภายในประเทศ
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
ทางการอียูกำลังพิจารณาวางมาตรการคว่ำบาตร ซึ่งจะเป็นการออกกฏหมายที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ของผู้บัญชาการทหาร อย่างไรก็ตาม จะไม่เข้าไปมีผลกระทบกับการค้าระหว่างภูมิภาค โดยให้เหตุผลว่ากลัวจะเข้าไปมีผลกระทบกับแรงงานภายในเมียนมา
ขณะที่สหรัฐอเมริกาได้วางมาตรการคว่ำบาตรผู้บัญชาการทหารอีก 2 คน ได้แก่ “นายพลจัตวา โม มยินต์ ตุน” ( Moe Myint Tun) อดีตเสนาธิการทหารและผู้บัญชาการหนึ่งในกองบัญชาการพิเศษกองทัพ และ “พลอากาศเอก หม่องหม่องจ่อ” (Maung Maung Kyaw) ผู้บัญชาการทหารอากาศ หลังจากก่อนหน้านี้วางมาตรการคว่ำบาตร แบนการเดินทางเข้าประเทศกับอายัดสินทรัพย์ผู้บัญชาการทหารที่เกี่ยวข้องกับการรัฐประหารไปหลายคนแล้ว
“ไฮโก มาส” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศเยอรมันกล่าวว่า เราไม่สามารถยืนรอดูสถานการณ์ได้อีกต่อไป และพร้อมจะออกมาตรการคว่ำบาตรถ้าหากเจรจาทางการฑูตไม่สำเร็จ
“พล.อ. มิน อ่อง หล่าย” ผู้บัญชาการกองทัพบกเมียนมา แถลงการณ์ระหว่างการประชุมของรัฐบาลว่า อยากให้ตอนนี้ประเทศกลับมามุ่งฟื้นฟูเศรษฐกิจ ตัดงบประมาณรัฐบาลและการนำเข้าสินค้า มาเน้นการส่งออกแทน หลังจากเหตุการณ์ที่ประชากรเมียนมาทั่วประเทศนัดหยุดทำงาน ลงถนนประท้วงเมื่อวันที่ 22 ก.พ. ที่ผ่านมา ซึ่ง “ทอม แอนดรูวส์” ผู้เสนอรายงานพิเศษ องค์การสหประชาชาติ ระบุว่าได้มีผู้ออกมาประท้วงหลายล้านคน และเป็นการประท้วงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตั้งแต่การรัฐประหารเมื่อต้นเดือน
ทั้งนี้ ยังคงมีประชากรเมียนมาที่นัดกันชุมนุม ประท้วงการรัฐประหารของกองทัพ และเรียกร้องให้มีการปล่อย “อองซาน ซูจี” อดีตที่ปรึกษาแห่งรัฐ และประธานพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (NLD) สมาชิกภายในพรรคเอ็น แอล ดี นักกิจกรรมทางการเมือง ผู้ประท้วง และผู้ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งถูกคุมตัวไปแล้ว 684 คน
โดยวันนี้จำนวนคนลงถนนประท้วงลดลงจากวันก่อนหน้า และยังไม่มีรายงานการปะทะระหว่างตำรวจกับผู้ชุมนุม
ก่อนหน้านี้ ประเทศญี่ปุ่นได้ประนามการกระทำของกองทัพในการใช้ความรุนแรงเพื่อสลายการชุมนุม ขณะที่สหราชอาณาจักร (ยูเค) แคนาดา และนิวซีแลนด์ต่างเตรียมหรือออกมาตรการคว่ำบาตรผู้บัญชาการหารที่เกี่ยวข้องกับการรัฐประหารแล้ว