“เจ้าชายฟิลิป” พระสวามีในควีนเอลิซาเบธที่ 2 สิ้นพระชนม์

FILE PHOTO: REUTERS/Paul Edwards/Pool/

เจ้าชายฟิลิป ดยุกแห่งเอดินบะระ สิ้นพระชนม์อย่างสงบแล้ว ขณะที่พระชนมายุ 99 พรรษา

วันที่ 9 เมษายน 2564 สำนักข่าวบีบีซี รายงานว่า เจ้าชายฟิลิป ดยุกแห่งเอดินบะระ พระสวามีในสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 แห่งราชวงศ์อังกฤษ สิ้นพระชนม์แล้ว ขณะมีพระชนมายุ 99 พรรษา ก่อนที่พระองค์จะมีพระชนมายุครบ 100 พรรษา ในวันที่ 10 มิถุนายนที่จะถึงนี้ หรือประมาณ 2 เดือนข้างหน้า

แถลงการณ์ของสำนักพระราชวังบักกิงแฮม ระบุว่า ด้วยความเศร้าเสียใจอย่างยิ่ง สมเด็จพระราชินีนาถฯ ขอประกาศการสิ้นพระชนม์ของพระสวามีอันเป็นที่รัก เจ้าชายฟิลิป ดยุกแห่งเอดินบะระ พระองค์สิ้นพระชนม์อย่างสงบ ณ พระราชวังวินด์เซอร์ในช่วงเช้าวันนี้ (ตามเวลาอังกฤษ) โดยแถลงการณ์เพิ่มเติมจะมีขึ้นในภายหลัง

ตอนหนึ่งของแถลงการณ์ ระบุว่า ราชวงศ์และประชาชนทั่วโลกต่างเศร้าเสียใจต่อการจากไปของพระองค์

ด้านเว็บไซต์ทางการของราชวงศ์อังกฤษประกาศปิดเว็บไซต์ชั่วคราว เพื่อปรับเปลี่ยนรูปแบบของเว็บไซต์รองรับสถานการณ์การสิ้นพระชนม์ของเจ้าชายฟิลิป

พระราชประวัติ “เจ้าชายฟิลิป ดยุกแห่งเอดินบะระ”

เจ้าชายฟิลิป ประสูติในราชวงศ์กรีซและเดนมาร์ก เดิมมีพระนามว่า เจ้าชายฟิลิปแห่งกรีซและเดนมาร์ก แต่ในระหว่างที่ยังเป็นทารก ราชวงศ์ของพระองค์ต้องเสด็จหนีภัยการเมืองออกจากราชอาณาจักรกรีซ เจ้าชายฟิลิปจึงเติบโตและได้รับการศึกษาในฝรั่งเศส, เยอรมนี และอังกฤษ

พระองค์เข้ารับราชการทหารในราชนาวีอังกฤษเมื่อปี ค.ศ. 1939 ในวัย 18 ชันษา และในปีนั้นเอง พระองค์ทรงเริ่มติดต่อทางจดหมายกับเจ้าหญิงเอลิซาเบธ (สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 แห่งราชวงศ์อังกฤษ) ในวัย 13 ชันษา

ในฐานะทหารเรืออังกฤษทรงเข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยปฏิบัติหน้าที่ในกองเรือเมดิเตอร์เรเนียนและกองเรือแปซิฟิก ภายหลังสงครามสิ้นสุด ทรงได้รับพระราชานุญาตจากสมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 6 ให้อภิเษกสมรสกับเจ้าหญิงเอลิซาเบธได้ พระองค์ทรงสละฐานันดรทั้งหมดของกรีซและเดนมาร์ก และกลายเป็นสามัญชนข้าแผ่นดินสหราชอาณาจักรโดยใช้ชื่อและนามสกุลอังกฤษ “เมานต์แบ็ตเทน” ซึ่งแปลงมาจากนามสกุลเยอรมัน “บัทเทินแบร์ค” ของฝั่งมารดา

พระองค์ได้รับพระราชทานยศขุนนางเป็นดยุกแห่งเอดินบะระ, เอิร์ลแห่งเมริออเน็ต และบารอนกรีนวิช แล้วจึงได้อภิเษกสมรสกับเจ้าหญิงเอลิซาเบธ เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน ค.ศ. 1947 ต่อมาเมื่อเจ้าหญิงเอลิซาเบธได้ขึ้นครองราชย์ในปี ค.ศ. 1952 ดยุกฟิลิปก็ลาออกจากทหารเรือในยศนาวาโท ก่อนได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นเจ้าอังกฤษอย่างเป็นทางการในปี ค.ศ. 1957

พระโอรส-พระธิดา 4 พระองค์

ภายหลัง เจ้าชายฟิลิปอภิเษกสมรสกับสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 แห่งราชวงศ์อังกฤษ เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน ค.ศ. 1947 ทั้งสองมีพระราชโอรสและธิดาทั้งสิ้น 4 พระองค์

  1. เจ้าชายชาลส์ เจ้าชายแห่งเวลส์
  2. เจ้าหญิงแอนน์ พระราชกุมารี
  3. เจ้าชายแอนดรูว์ ดยุกแห่งยอร์ก
  4. เจ้าชายเอ็ดเวิร์ด เอิร์ลแห่งเวสเซ็กซ์

เจ้าชายฟิลิปกับอาการติดเชื้อ

เมื่อช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เจ้าชายฟิลิปทรงเข้ารักษาพระองค์ในโรงพยาบาลคิง เอ็ดเวิร์ดที่ 7 ในกรุงลอนดอน หลังจากทรงพระประชวร อย่างไรก็ตาม ไม่มีการเปิดเผยเหตุผลที่แน่ชัดในการเสด็จประทับที่โรงพยาบาล โดยทางพระราชวังบักกิงแฮมระบุในช่วงนั้นว่า การประทับโรงพยาบาลของพระองค์ไม่เกี่ยวข้องกับไวรัสโคโรนา หรือเชื้อไวรัสโควิด-19 แต่อย่างใด

ต่อมา วันที่ 23 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา สำนักพระราชวังบักกิงแฮมมีแถลงการณ์ว่า เจ้าชายฟิลิปทรงมีพระอาการดีขึ้น แต่ยังต้องอยู่รักษาอาการติดเชื้อในโรงพยาบาลอีกหลายวัน จากนั้นวันที่ 16 มีนาคม พระองค์จึงเสด็จออกจากโรงพยาบาลคิง เอ็ดเวิร์ดที่ 7 หลังจากทรงประทับรักษาพระวรกายอยู่ในโรงพยาบาลนาน 4 สัปดาห์

ก่อนหน้านี้มีข่าวว่า เจ้าชายฟิลิปทรงเข้ารับการผ่าตัดพระหทัยเป็นผลสำเร็จ หลังจากที่ทรงถูกย้ายไปประทับรักษาพระวรกายที่แผนกโรคหัวใจในโรงพยาบาลเซนต์บาร์โธโลมิว ใจกลางกรุงลอนดอน ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม

บีบีซีไทย รายงานว่า เจ้าชายฟิลิปและสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 แห่งอังกฤษ พระชนมายุ 94 พรรษา ทรงประทับอยู่ด้วยกันที่พระราชวังวินด์เซอร์ในช่วงล็อกดาวน์ในอังกฤษ พร้อมกับคณะข้าราชบริพารจำนวนหนึ่ง โดยการล็อกดาวน์ของพระองค์เป็นที่รู้จักกันในชื่อว่า “เอชเอ็มเอส บับเบิล” (HMS Bubble)

ทั้งสองพระองค์ ซึ่งอภิเษกสมรสกันมานาน 73 ปี ทรงได้รับการถวายการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 โดสแรก เมื่อเดือนมกราคม