โครงการ “แทรเวลบับเบิล” (travel bubble) หรือการเดินทางระหว่าง 2 ประเทศโดยไม่ต้องกักตัว ที่เป็นความหวังของรัฐบาลหลายประเทศ เพื่อกระตุ้นอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ซึ่งซบเซาไปอย่างมาก ตั้งแต่โรคโควิด-19 ระบาดทั่วโลก
แชนเนล นิวส์ เอเชีย รายงานว่า ขณะนี้โครงการแทรเวลบับเบิลเริ่มขึ้นแล้ว โดยเมื่อวันที่ 1 เม.ย.ที่ผ่านมา ระหว่าง “ไต้หวัน” กับ “สาธารณรัฐปาเลา” หมู่เกาะในมหาสมุทรแปซิฟิก และ “ออสเตรเลีย” กับ “นิวซีแลนด์” ก็ได้เริ่มโครงการเมื่อ 19 เม.ย.ที่ผ่านมา ขณะที่ “ฮ่องกง” กับ “สิงคโปร์” ก็กำลังจะเริ่มโครงการดังกล่าววันที่ 26 พ.ค.นี้
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- บังคับใช้แล้ว! หลักเกณฑ์การดำเนินงาน 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว
- รักษาการอธิบดี DSI เปิดเงื่อนไข “ขนย้ายกากแคดเมียม” เข้าข่ายเป็นคดีพิเศษหรือไม่
โดยหลังจาก “สิงคโปร์ และฮ่องกง” ประกาศเริ่มโครงการแทรเวลบับเบิล ก็พบว่านักเดินทางแห่จองตั๋วเครื่องบิน จนทำให้เที่ยวบินของทั้ง “คาเธ่ย์แปซิฟิค” และ “สิงคโปร์แอร์ไลน์ส” ของวันที่ 26 พ.ค.-4 มิ.ย.เต็มหมดแล้ว ส่วนหนึ่งเพราะยังจำกัดผู้โดยสารเพียง 200 คนต่อวัน
ด้านบริษัททัวร์ของฮ่องกง ก็กำลังเตรียมแพ็กเกจท่องเที่ยวที่สอดคล้องกับสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 อย่างบริษัททัวร์ “ไดนาสตี้แทรเล” ระบุว่า ต้องวางแผนทัวร์ใหม่ เนื่องจากบางสถานที่ไม่เปิดรับนักท่องเที่ยวเหมือนก่อนยุคโควิดระบาด อย่างดิสนีย์แลนด์ ที่จำกัดความจุคนเข้าได้เพียง 75% และปิดบริการ 2 วันต่ออาทิตย์ เป็นต้น
ส่วนบริษัททัวร์ “ชัม บราเทอร์ส แทรเวล” กล่าวว่า บริษัทกำลังเตรียมแพ็กเกจทัวร์ที่จะมุ่งไปทำกิจกรรมกลางแจ้ง ที่ขึ้นชื่อของฮ่องกง ขณะที่บริษัท “นัมโฮ แทรเวล” ระบุว่า ตอนนี้จำหน่ายแพ็กเกจทัวร์ เฉพาะบริการจองห้องพักโรงแรมเท่านั้น เนื่องจากมีผู้ที่ต้องการเดินทางสูงมาก ทำให้ราคาตั๋วเครื่องบินพุ่งขึ้นมาก จึงไม่สามารถขายแพ็กเกจที่รวมค่าเครื่องบินด้วยได้
สำหรับโครงการแทรเวลบับเบิลของ “ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์” ถือว่ามีความสำคัญต่อการฟื้นฟูธุรกิจในภาคท่องเที่ยวของออสเตรเลียอย่างมาก เมื่อปี 2019 ชาวออสเตรเลียคิดเป็น 40% ของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมานิวซีแลนด์ นำรายได้เข้าสู่ประเทศมากถึง 1.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วนชาวนิวซีแลนด์เดินทางไปออสเตรเลียมากถึง 1.3 ล้านคน และนำรายได้เข้าประเทศมากถึง 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
โครงการนี้ยังเป็นโอกาส “แควนตัส แอร์เวย์ส” สายการบินแห่งชาติของออสเตรเลีย ซึ่งช่วงครึ่งปีหลังของปี 2020 รายได้ลดลงถึง 75% สามารถกลับมาดำเนินธุรกิจได้บางส่วน ซึ่งโครงการนี้ทำให้แควนตัส แอร์เวย์ส กลับมาจ้างพนักงานถึง 630 คน และ “แอร์ นิวซีแลนด์” สายการบินแห่งชาตินิวซีแลนด์กลับมาจ้างพนักงาน 300 คน เพื่อรองรับเที่ยวบินหลายร้อยไฟลต์ต่อสัปดาห์จากโครงการนี้
“อลัน จอยส์” ซีอีโอ “แควนตัส แอร์เวย์ส” เสนอให้มีการขยาย “บับเบิล”กับประเทศอื่นเพิ่ม เพราะยังคงมีหลายประเทศในภูมิภาคนอกจากออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ที่สามารถควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 ได้แล้ว อย่างสิงคโปร์ และไต้หวัน รวมถึงหมู่เกาะแปซิฟิก อย่างเกาะฟิจิ เพราะเป็นจุดท่องเที่ยว ซึ่งมีความต้องการสูงมาก
อย่างไรก็ตาม โครงการแทรเวลบับเบิลทุกเส้นทางยังมีปัญหา เช่น กรณีไต้หวัน-ปาเลา ต้องยกเลิกเที่ยวบินบางไฟลต์ เนื่องจากมีนักท่องเที่ยวไม่ถึง 10 คน เนื่องจากโครงการนี้มีค่าใช้จ่ายสูงมาก และรัฐบาลไต้หวันมีมาตรการที่เข้มงวดเกิน และโควิด-19 ที่ยังคงระบาดอยู่ทั่วโลก ยังคงเป็นปัจจัยเสี่ยง อย่างแทรเวลบับเบิลของสิงคโปร์-ฮ่องกง ซึ่งเดิมมีแผนเริ่มเมื่อ พ.ย.ปีที่แล้ว ก็ถูกเลื่อนยาว เนื่องจากมีการระบาดรอบใหม่ที่ฮ่องกง
และหลังแทรเวลบับเบิล เส้นทางออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์ เพียง 5 วัน เมื่อวันที่ 23 เม.ย.ที่ผ่านมา รัฐบาลนิวซีแลนด์ก็ระงับโครงการเส้นทางไฟลต์ที่เดินทางไปยังเมืองเพิร์ท และพีล แถบตะวันตกของออสเตรเลีย หลังพบนักเดินทางติดเชื้อโควิด-19 และกลับมาเปิดโครงการอีกครั้งเมื่อวันที่ 28 เม.ย.ที่ผ่านมา
“แทรเวลบับเบิล” ยังคงมีความเสี่ยงที่จะถูกระงับได้ทุกเมื่อ เนื่องจากบางประเทศอย่างออสเตรเลีย ที่โครงการฉีดวัคซีนล่าช้า ไม่ได้บังคับการฉีดวัคซีนก่อนเดินทาง แต่แทรเวลบับเบิลก็เป็นทางเลือกเดียว ที่จะสามารถฟื้นอุตสาหกรรมท่องเที่ยวระหว่างประเทศได้