บริษัทพันธมิตรด้านการผลิตวัคซีนสัญชาติสหรัฐอเมริกาและเยอรมนี “ไฟเซอร์-ไบโอเอ็นเทค” ร่วมให้คำมั่นว่าจะบริจาควัคซีนรวม 2,000 ล้านโดสให้กับประเทศที่มีรายได้ต่ำและรายได้ปานกลาง เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในความพยายามลดช่องว่างเรื่องวัคซีน ระหว่างประเทศร่ำรวยกับประเทศยากจน
เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอัลเบิร์ต บูร์ลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของไฟเซอร์ ได้ประกาศเรื่องนี้ในนามพันธมิตรด้านเภสัชกรรม ในระหว่างการประชุมสุดยอดด้านสุขภาพระดับโลก ซึ่งจัดขึ้นที่กรุงโรมในอิตาลี โดยการประชุมดังกล่าวเป็นการประชุมที่ออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหาความไม่เท่าเทียมเรื่องวัคซีนของทั่วโลก โดยมีสมาชิกของกลุ่มประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ 20 ประเทศ และคณะกรรมาธิการยุโรป ซึ่งเป็นหน่วยงานบริหารของสหภาพยุโรป เข้าร่วม
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
- โปรดเกล้าฯ พระราชทานยศ ข้าราชการในพระองค์ฝ่ายทหาร 3 ราย
- ดร.วิวัฒน์ กรมดิษฐ์ ผู้อยู่เบื้องหลัง “บ้านกรมดิษฐ์” บ้านสวนลอยฟ้า
นายบูร์ลา กล่าวว่า วัคซีนลอตแรก จำนวน 1,000 ล้านโดส จะเริ่มส่งมอบในปีนี้ และอีกลอตจะส่งมอบในปีหน้า ขณะที่บริษัทยาของสหรัฐฯอีก 2 แห่ง ทั้งโมเดอร์นาและจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน ก็ให้คำมั่นด้วยว่าจะบริจาควัคซีนจองตัวเอง 200,000 โดส และ 100,000 โดส ตามลำดับ ขณะที่สหภาพยุโรปหรืออียู ให้คำมั่นว่าจะบริจาคอย่างน้อย 100 ล้านโดส ด้วย
การประชุมซึ่งจัดขึ้นโดย นายมารีโอ ดรากี นายกรัฐมนตรีอิตาลี ชื่นชมการบริจาคดังกล่าวว่า “มีความหมายและเป็นจำนวนที่น่าทึ่ง” โดยนายกรัฐมนตรีอิตาลีแจ้งด้วยว่า ปริมาณวัคซีนเกือบ 1,500 ล้านโดส ที่ถูกกระจายไปกว่า 180 ประเทศ มีเพียง 0.3% เท่านั้น ที่ถูกส่งไปยังประเทศยากจน ขณะที่ 85% ถูกส่งไปยังประเทศที่ร่ำรวยที่สุดในโลก
นับตั้งแต่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 นายทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ออกมาเตือนถึงสิ่งที่เขาเรียกว่า “ระบบวัคซีนชาตินิยม” ซึ่งหมายความว่า ประเทศที่ร่ำรวยที่สุดจะกักตุนวัคซีน ขณะที่ประเทศยากจนจะไม่มีวัคซีนใช้ เขายังกล่าวด้วยว่าการระบาดครั้งนี้จะไม่สิ้นสุด จนกว่าทุกประเทศจะได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว
ทั้งนี้ องค์การอนามัยโลก เป็นผู้ดูแล “โคแวกซ์” หรือ Covid-19 Vaccines Global Access Facility ซึ่งเป็นโครงการเพื่อการเข้าถึงวัคซีนโควิด-19 ระดับโลก