เอเวอร์แกรนด์ ยักษ์อสังหาฯส่อล้มละลาย สะเทือนโดมิโน ‘เศรษฐกิจจีน’

คอลัมน์ ชีพจรเศรษฐกิจโลก
ไพรัตน์ พงศ์พานิชย์

 

ย้อนหลังไปเพียงแค่เมื่อปี 2018 ที่ผ่านมา “เอเวอร์แกรนด์” ไม่เพียงเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่อู้ฟู่ที่สุดในจีนเท่านั้น ยังได้ชื่อว่าเป็นบริษัทอสังหาฯที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลกด้วยอีกต่างหาก

“สวี่ เจียยิ่น” ก่อตั้งบริษัทนี้ขึ้นเมื่อปี 1996 อาศัยกระแสอสังหาริมทรัพย์บูมในจีนจากนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการสร้างเมืองใหม่ขึ้น ขยายที่พักอาศัยให้กับประชาชนจีนทั่วประเทศ จนกลายเป็นกลุ่มบริษัทขนาดใหญ่ ครอบคลุมกิจการหลากหลาย ตั้งแต่ น้ำแร่ ไปจนถึง บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า และสโมสรฟุตบอลที่ได้ชื่อว่าดีที่สุดของจีน อย่าง “กว่างโจว เอเวอร์แกรนด์”

ตัว “สวี่ เจียยิ่น” เอง ร่ำรวยติดอันดับ 1 ใน 3 ของคนที่รวยที่สุดในจีน ช่วงหนึ่งถึงกับเคยเบียด “แจ็ก หม่า” ตกจากบัลลังก์มหาเศรษฐีอันดับ 1 ของจีนด้วยซ้ำไป

กระนั้น มีกิจการธุรกิจอยู่บ้างที่ยิ่งใหญ่โต ยิ่งสับสนสลับซับซ้อน ยิ่งโตมากเกินไป ยิ่งเสี่ยงต่อการ “ล้มทั้งยืน” มากขึ้นเท่านั้น เอเวอร์แกรนด์ก็เช่นเดียวกัน

รายงานของ นิวยอร์ก ไทมส์ เมื่อ 10 กันยายนที่ผ่านมา ระบุว่า “เอเวอร์แกรนด์” ตกอยู่ในสภาพ “ป่วยหนัก” ชนิดต้องใช้เครื่องพยุงชีพมาหลายเดือนแล้ว เมื่อรายงานข่าวหลายกระแสระบุตรงกันว่า เอเวอร์แกรนด์ มีหนี้สินค้างชำระมหึมาถึง 305,000 ล้านดอลลาร์ เกินขีดความสามารถในการชำระหนี้ของบริษัท

ทำให้ “เอเวอร์แกรนด์” กลายเป็นบริษัทที่มีหนี้สินมากที่สุดในโลกไปแล้ว

ตั้งแต่ต้นปีจนมาถึงขณะนี้ ราคาหุ้นของบริษัทลดลงไปแล้ว 75% เฉพาะเมื่อวันที่ 9 กันยายนที่ผ่านมาวันเดียว หุ้นเอเวอร์แกรนด์ลดลงมากถึง 10%

ตลาดหลักทรัพย์เสิ่นเจิ้นต้องประกาศระงับการซื้อขายพันธบัตรเอเวอร์แกรนด์ชั่วคราว เมื่อราคาดิ่งลงมากถึง 20% เมื่อเปิดซื้อขายใหม่อีกครั้ง ราคาพันธบัตรกำหนดชำระในเดือนมกราคม 2023 ดิ่งต่ออีกกว่า 30% จนต้องระงับการซื้อขายอีกรอบ

ฟิตช์ เรตติ้ง ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของเอเวอร์แกรนด์ลงมาอยู่ที่ CC เพื่อสะท้อนทัศนะของฟิตช์ที่ว่า เป็นไปได้ที่จะเกิดผิดนัดชำระหนี้ขึ้น ไม่รูปแบบใดก็รูปแบบหนึ่ง

ก่อนหน้านั้นหนึ่งวัน “มูดีส์ อินเวสเตอร์เซอร์วิส” ก็ปรับลดเครดิตเรตติ้งของบริษัทลงเช่นกัน กำกับเอาไว้ด้วยว่า เอเวอร์แกรนด์ “ไม่มีทั้งเงิน ทั้งเวลา” เหลือแล้ว

บทวิเคราะห์ล่าสุดของ แคปิตอล อีโคโนมิกส์ ระบุว่า เอเวอร์แกรนด์ “ใกล้จะล้ม” แล้ว โดยจะส่งผลกระทบต่อทั้งธนาคาร ผู้ถือครองพันธบัตร และผู้ทำสัญญาซื้อบ้าน อาคารกับบริษัทอีกด้วย

ปัญหาของ เอเวอร์แกรนด์ เริ่มต้นมาตั้งแต่เดือนสิงหาคมปี 2020 ที่ผ่านมา เมื่อทางการจีนเริ่มเข้มงวดกวดขันกับการปล่อยกู้แบบไม่บันยะบันยังต่อบรรดาบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ทั้งหลาย ส่งผลให้สภาพคล่องของบริษัทเริ่มมีปัญหา ถึงขนาดต้องเริ่มขายโครงการ ขายกิจการหลายอย่างออกไปเพื่อต่อชีวิต

ในเวลาเดียวกัน สภาพการชะลอตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในจีนยิ่งทำให้ปัญหาของเอเวอร์แกรนด์หนักหนาสาหัสขึ้นจากความต้องการที่ลดลงอย่างฮวบฮาบ มูลค่ารวมของการขายบ้านใหม่ในจีนในเวลานี้ลดลงมากถึง 20 % ราคาที่ดินก็ตกอยู่ในสภาพเดียวกันคือลดลงอย่างมาก ปัจจัยทั้งหมดเหล่านั้นส่งผลให้ปัญหาสภาพคล่องของ เอเวอร์แกรนด์ ทรุดหนักมากขึ้นทุกที แม้ว่าจะพยายามหั่นราคาลงมหาศาลเพื่อขายโครงการ ก็ยังขายไม่ออกอยู่ดี

เมื่อ 7 กันยายนที่ผ่านมา ข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แสดงให้เห็นว่า เอเวอร์แกรนด์ ตกเป็นหนี้ซัพพลายเออร์ที่เป็นบริษัทผู้ผลิตสีรายหนึ่งมากถึง 87 ล้านดอลลาร์ จนต้องยกอาคารอพาร์ตเมนต์ใน 3 โครงการที่ยังพัฒนาไม่แล้วเสร็จให้เป็นการใช้หนี้

แต่มีเจ้าหนี้และซัพพลายเออร์อีกหลายรายที่ไม่ยอมรับการชำระหนี้ด้วยวิธีดังกล่าว หันมายุติการก่อสร้างทำให้หลายโครงการค้างเติ่งอยู่อย่างนั้น จนเป็นเหตุให้มีการฟ้องร้องจากผู้ซื้อหลายรายเพราะบ้านเรือนในโครงการที่ซื้อไว้ไม่แล้วเสร็จตามกำหนด

ปัญหาใหญ่ที่กำลังจะเกิดขึ้นก็คือ ในวันที่ 21 กันยายนที่จะถึงนี้ เอเวอร์แกรนด์ มีกำหนดต้องชำระหนี้ก้อนโต หากไม่สามารถชำระหนี้ก้อนที่ว่าได้ บริษัทก็อาจถึงขั้นต้องล้มละลาย

สิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมาก็คือ บรรดาเจ้าหน้าที่และซัพพลายเออร์ทั้งหลายนับร้อยบริษัทอาจมีปัญหาตามไปด้วย วิกฤตศรัทธาที่เกิดขึ้นกับภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีน อาจสั่นคลอนจนถึงขนาดคู่แข่งสำคัญอย่าง “แฟนตาเซีย” ที่มีปัญหาหนี้อยู่เช่นกันอาจพังพาบตามมาในไม่ช้าไม่นาน


สิ่งที่น่าจับตามองอย่างยิ่งก็คือ ทางการ จีนจะทำอย่างไรกับกรณีนี้ จะปล่อยให้ “ล้มทั้งยืน” เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายที่ประกาศเอาไว้ หรือจะเข้าไปพยุงสถานะของเอเวอร์กรีน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาลุกลาม กระเทือนไปทั้งระบบเศรษฐกิจของประเทศกันแน่ ?