สิงคโปร์มีบริษัทเกิดใหม่กว่าแสนแห่ง ในช่วง 18 เดือน

สิงคโปร์มีบริษัทเกิดใหม่นับแสน
REUTERS/Edgar Su

ในช่วง 18 เดือนที่ผ่านมา สิงคโปร์มีจำนวนบริษัทจัดตั้งใหม่มากกว่าบริษัทที่ปิดตัว แม้จะได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19

วันที่ 3 พฤศจิกายน 2564 แชนแนลนิวส์เอเชีย รายงานว่า โลว์ เยนหลิง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้าและอุตสาหกรรม กล่าวในรัฐสภาว่า ระหว่างเดือนมีนาคม 2563 ถึงกันยายน 2564 มีบริษัทมากกว่า 73,000 แห่งในสิงคโปร์ที่หยุดดำเนินการ อย่างไรก็ตาม มีการตั้งบริษัทใหม่เกือบ 103,600 แห่ง

โลว์ตอบคำถาม วาน ริซาล จากพรรคกิจประชาชน (พรรครัฐบาลของสิงคโปร์) โดยอธิบายว่า ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา มีบริษัทที่ยกเลิกการจดทะเบียน โดยเฉลี่ยต่อเดือน 3,840 แห่ง ซึ่งเป็นจำนวนใกล้เคียงกับช่วงปี 2560-2562 แต่ขณะเดียวกัน สิงคโปร์ก็มีบริษัทจดทะเบียนใหม่โดยเฉลี่ยต่อเดือนมากกว่า 5,000 แห่ง สะท้อนว่าสิงคโปร์มีจำนวนธุรกิจที่ดำเนินการเพิ่มขึ้น

เธอกล่าวด้วยว่า การก่อตั้งทางธุรกิจยังคงเฟื่องฟู โดยภาคส่วนที่มีธุรกิจใหม่เกิดขึ้นมากที่สุด ได้แก่ กลุ่มบริการที่มีความชำนาญเฉพาะด้าน, ค้าส่ง และค้าปลีก

เธอกล่าวด้วยว่า ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา รัฐบาลสิงคโปร์ได้ทุ่มเททรัพยากรมหาศาลเพื่อช่วยให้ธุรกิจสามารถรับมือกับผลกระทบที่เกิดขึ้นโดยฉับพลันของโควิด-19 ได้ เรายังช่วยให้ธุรกิจของเราได้เตรียมพร้อมสำหรับการฟื้นตัวหลังวิกฤตโควิด และส่งเสริมจุดยืนของสิงคโปร์ในฐานะศูนย์กลางธุรกิจหลาย ๆ ด้าน

ค้าปลีกและการท่องเที่ยว

ซักเทียนดี สุพาต สมาชิกรัฐสภาอีกคน ยังถามเกี่ยวกับสถานการณ์ในภาคค้าปลีกและการท่องเที่ยว ซึ่งได้รับผลกระทบจากโรคระบาด

อัลวิน ตัน รัฐมนตรีกระทรวงการค้าและอุตสาหกรรม ชี้ว่า ตั้งแต่มกราคม 2563 ถึงกันยายน 2564 มีบริษัทในธุรกิจค้าปลีก 8,600 แห่งที่ปิดตัว นับว่ามากกว่าช่วงเดียวกันของปี 2561 และ 2562

อย่างไรก็ตาม มีบริษัทในธุรกิจค้าปลีกเปิดใหม่ 15,570 แห่ง ส่งผลให้บริษัทค้าปลีกเพิ่มขึ้น 6,970 แห่ง มากกว่าในช่วงเดียวกัน ตั้งแต่มกราคม 2563 ถึงกันยายน 2564

สำหรับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวนั้น มีบางบริษัทที่ปิดตัว ตั้งแต่เดือนมกราคมปีที่แล้ว แต่ก็มีบริษัทเปิดใหม่ ดังนั้นจำนวนบริษัทในอุตสาหกรรมนี้จึงค่อนข้างคงที่

ตัวอย่างเช่น แม้ว่าโรงแรมจะปิดตัวไป 13 แห่ง แต่จำนวนโรงแรมที่ได้รับอนุญาตยังคงอยู่ที่ประมาณ 420 แห่ง

จำนวนมัคคุเทศก์ที่ได้รับใบอนุญาตทั้งหมดยังอยู่ที่ราว 2,900 คน แม้ว่ามัคคุเทศก์ 176 คน เลือกที่จะไม่ต่ออายุใบอนุญาตระหว่างเกิดโรคระบาด

ขณะที่บริษัทนำเที่ยวได้รับผลกระทบหนักกว่า โดย 157 แห่ง หรือประมาณ 8% ของบริษัทที่ได้รับใบอนุญาต ได้ยุติการดำเนินงาน แม้ว่าจะบริษัทใหม่ประมาณ 30 แห่ง เข้าสู่ตลาด

การปลดพนักงาน

ระหว่างเดือนมกราคม 2563 ถึงเดือนตุลาคม 2564 มีพนักงานประมาณ 4,370 คนในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวถูกเลิกจ้าง ในจำนวนนี้ 58% เป็นคนในท้องถิ่น

“อย่างไรก็ตาม จากการช่วยเหลือและสนับสนุนภายใต้โครงการ เอสจี ยูไนเต็ด จ็อบส์ แอนด์ สกิล ทำให้คนในท้องถิ่น 67% ที่ถูกเลิกจ้างระหว่างเดือนมกราคมถึงกันยายน 2563 มีงานทำใหม่ภายใน 6 เดือน

เขากล่าวเพิ่มเติมว่า ในปี 2563 พนักงานในอุตสาหกรรมค้าปลีกประมาณ 1,180 คน ถูกเลิกจ้าง ซึ่งหมายความว่า ในพนักงาน 1,000 คน จะมี 16.9 คนที่ถูกเลิกจ้าง โดยมากกว่าครึ่งหนึ่งของพนักงานที่ถูกเลิกจ้างกลุ่มนี้ สามารถเข้าสู่อุตสาหกรรมอื่นได้ภายใน 6 เดือน หลังถูกเลิกจ้าง

สำหรับมัคคุเทศก์ มีประมาณ 250 คน ที่ต้องทำหน้าที่เป็นทูตรักษาระยะห่างเพื่อความปลอดภัย อยู่ภายใต้คณะกรรมการการท่องเที่ยวสิงคโปร์ (เอสทีบี)

ตันย้ำด้วยว่า รัฐบาลสิงคโปร์ได้ให้การสนับสนุนเป็นอย่างสูงแก่อุตสาหกรรมนี้ ภายใต้โครงการสนับสนุนงาน ควบคู่กับมาตรการในวงกว้างอื่น ๆ

“โครงการริเริ่มต่าง ๆ เช่น สิงคโปร์รีดิสคัฟเวอร์ โวเชอร์ (เอสอาร์วี) ที่ก่อตั้งขึ้นเพื่อสนับสนุนธุรกิจท่องเที่ยวท้องถิ่น รวมถึงบริษัทนำเที่ยวด้วย”

“คณะกรรมการการท่องเที่ยวสิงคโปร์คาดว่าการท่องเที่ยวของสิงคโปร์จะกลับมาสู่ระดับเดียวกับช่วงก่อนโควิดระบาดในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า” ตันกล่าวและว่า ระหว่างนี้ ทางการกำลังช่วยบริษัทต่าง ๆ ในภาคการค้าปลีกและการท่องเที่ยวยกระดับตัวเอง