โอไมครอนอาจไม่รุนแรงเท่าเดลต้า “เฟาซี” ชี้อาจอาการน้อยกว่า

เฟาซีพูดเรื่องโอไมครอน
REUTERS/Kevin Lamarque     

“แอนโทนี เฟาซี” หัวหน้าคณะที่ปรึกษาทางการแพทย์ “โจ ไบเดน” เผย โอไมครอนอาจไม่ได้รุนแรงไปกว่าสายพันธุ์ที่พบก่อนหน้านี้ 

วันที่ 8 ธันวาคม 2564 แชนแนลนิวส์เอเชียรายงานว่า “แอนโทนี เฟาซี” นักวิทยาศาสตร์ชั้นนำของสหรัฐเผยว่า โควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนไม่ได้รุนแรงไปกว่าสายพันธุ์ที่พบก่อนหน้านี้ และอาจมีอาการน้อยกว่า แต่เตือนว่าต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์กว่าจะระบุความรุนแรงที่แน่ชัดของสายพันธุ์นี้ได้

เฟาซี ซึ่งเป็นหัวหน้าคณะที่ปรึกษาทางการแพทย์ของ “โจ ไบเดน” ประธานาธิบดีสหรัฐ ให้สัมภาษณ์กับเอเอฟพีเรื่องโอไมครอนใน 3 เรื่อง ได้แก่ การแพร่เชื้อ, การเลี่ยงภูมิคุ้มกันจากการติดเชื้อและการฉีดวัคซีน และความรุนแรงของอาการ

“โควิดสายพันธุ์ใหม่นี้มีการแพร่เชื้อได้มากอย่างเห็นได้ชัด มีแนวโน้มว่าจะแพร่เชื้อได้มากกว่าเดลต้า ซึ่งเป็นสายพันธุ์หลักในปัจจุบัน” เฟาซีกล่าว

จากข้อมูลทางระบาดวิทยาทั่วโลกยังชี้ด้วยว่า โอไมครอนทำให้มีการติดเชื้อซ้ำด้วย

เฟาซี ซึ่งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสถาบันโรคภูมิแพ้และโรคติดเชื้อแห่งชาติ (NIAID) เป็นเวลานาน กล่าวว่า ผลจากการทดลองในห้องปฏิบัติการที่ทดสอบประสิทธิภาพของแอนติบอดีจากวัคซีนที่มีอยู่ว่าจะสามารถต่อต้านโอไมครอนได้หรือไม่ จะทราบผลอีกไม่กี่วันหรืออีกหนึ่งสัปดาห์

ส่วนเรื่องความรุนแรง เฟาซีตอบว่า “แทบจะไม่รุนแรงไปกว่าเดลต้า”

“บางคำแนะนำที่ระบุว่าโอโมครอนอาจรุนแรงน้อยกว่านี้ด้วยซ้ำ เพราะหากพิจารณาจากกลุ่มประชากรที่กำลังติดตามในแอฟริกาใต้ อัตราส่วนระหว่างจำนวนผู้ติดเชื้อและการรักษาในโรงพยาบาลดูเหมือนจะน้อยกว่าเดลต้า”

อย่างไรก็ตาม เขากล่าวว่า เป็นเรื่องสำคัญที่จะไม่ตีความจากข้อมูลนี้มากเกินไป เพราะการเก็บข้อมูลเน้นที่กลุ่มคนหนุ่มสาว และผู้ที่มีโอกาสน้อยที่จะเข้ารักษาในโรงพยาบาล และความร้ายแรงของโรคอาจต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์ในการพัฒนา

“ผมคิดว่าจะใช้เวลาอย่างน้อย 2-3 สัปดาห์ เพื่อยืนยันสถานการณ์ในแอฟริกาใต้ ซึ่งมีจุดที่มีรายงานพบโอไมครอนเป็นครั้งแรกเมื่อเดือนพฤศจิกายน” เขากล่าวและว่า

“จากนั้นเมื่อมีการติดเชื้อมากขึ้นทั่วโลก มันอาจใช้เวลานานกว่าจะรู้ว่าเชื้อตัวนี้มีความรุนแรงอย่างไร”

เฟาซีกล่าวด้วยว่า ไวรัสที่สามารถแพร่เชื้อได้มากกว่า ที่ไม่ได้เป็นสาเหตุให้อาการเจ็บป่วยรุนแรงขึ้น และไม่นำไปสู่การเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลและการเสียชีวิตที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว นับเป็น “กรณีที่ดีที่สุด”

“กรณีที่เลวร้ายที่สุดคือ ไม่เพียงแต่สามารถแพร่เชื้อได้มากเท่านั้น แต่โอไมครอนยังทำให้เกิดโรคร้ายแรง และอาจมีการระบาดอีกระลอกหนึ่ง” เขากล่าวเพิ่มเติม และปิดท้ายว่า

“ผมไม่คิดว่ากรณีเลวร้ายสุดจะเกิดขึ้น แต่คุณไม่มีทางรู้”