สำรวจเมืองใหญ่ ยุโรป-สหรัฐ กร่อย อดฉลองเคานต์ดาวน์หนีโอไมครอน

Photo by Sam Yeh / AFP

ยุโรป-สหรัฐ ปีใหม่กร่อย งดจุดพลุฉลองเคานต์ดาวน์สกัดโอไมครอน สวนทางชาติเอเชียคึกคักเดินหน้าเฉลิมฉลองตามแผน

วันที่ 22 ธันวาคม 2564 ช่วงสัปดาห์สุดท้ายก่อนเข้าสู่บรรยากาศช่วงเทศกาลแห่งความสุขส่งท้ายปีเก่า 2564 ต้อนรับปีใหม่ 2565 เริ่มส่อแวว “งานกร่อย” อาจซ้ำรอยอดฉลองเคานต์ดาวน์เหมือนดังเช่นปีที่แล้ว จากปัจจัยอันไม่แน่นอนของไวรัสโควิดสายพันธุ์โอไมครอน ที่ทำให้หลายชาติหวั่นวิตกถึงสถานการณ์ระบาดที่อาจกลับมารุนแรงอีกครั้ง บางประเทศเริ่มกลับมาใช้มาตรการล็อกดาวน์เข้มกันอีกครั้ง ขณะที่บางประเทศยังคงรอประเมินสถานการณ์ก่อนตัดสินใจว่าจะยังคงเดินหน้าจัดงานเคานต์ดาวน์

จากการตรวจสอบของทีมข่าวประชาชาติธุรกิจ ณ วันที่ 22 ธ.ค. จะพาไปสำรวจว่ามีประเทศใด หรือเมืองไหนบ้าง ที่ทั้งประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์อย่างเข้มข้น ไปจนถึงการใช้มาตรการควบคุมโควิดที่แตกต่างกันออกไป

Photo by Tolga Akmen / AFP

สหราชอาณาจักร

นายซาดิก ข่าน นายกเทศมนตรีกรุงลอนดอน ได้ทวีตข้อความแจ้งยกเลิกการจัดงานเคานต์ดาวน์ปีใหม่ที่จัตุรัสทราฟัลการ์ โดยย้ำว่าเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัส นับเป็นปีที่สองที่กรุงลอนดอนยกเลิกกิจกรรมเคานต์ดาวน์ที่จัตุรัสทราฟัลการ์ ใจกลางเมือง ขณะที่กิจกรรมจุดพลุบริเวณลอนดอนอาย ริมแม่น้ำเทมส์ ยังคงมีขึ้นตามกำหนดเดิม แต่ไม่อนุญาตให้ประชาชนรวมกลุ่มรับชมงาน

ขณะเดียวกันมีความเป็นไปได้สูงที่รัฐบาลอังกฤษอาจยกระดับความเข้มงวดการคุมโควิดช่วงหลังเทศกาลคริสต์มาส จากปัจจุบันที่บังคับสวมหน้ากากตามที่สาธารณะ พร้อมให้ประชาชนต้องแสดงหลักฐานฉีดวัคซีน หรือผลตรวจโควิดเป็นลบ ก่อนเข้าใช้บริการร้านอาหารหรือไนต์คลับที่ผู้คนหนาแน่น

Photo by Stefano RELLANDINI / AFP

ฝรั่งเศส

หน่วยงานท้องถิ่นกรุงปารีส ได้ประกาศยกเลิกกิจกรรมเคานต์ดาวน์ปีใหม่ ซึ่งเดิมมีแผนจัดขึ้นบริเวณ “ถนนฌองส์ เอลิเซ” ในวันที่ 31 ธ.ค. 64 เนื่องจากความกังวลเชื้อโอไมครอน

Advertisment

ฌ็อง กัสเต็กซ์ นายกรัฐมนตรีฝรั่งเศส ระบุว่ามติคณะรัฐมนตรีฝรั่งเศสไม่อนุญาตให้จัดงานฉลองขนาดใหญ่ ไปจนถึงการจุดพลุฉลองตามสถานที่สาธารณะต่าง ๆ เนื่องจากหวั่นเกรงการรวมตัวของประชาชน หลังจากที่ฝรั่งเศสระบุว่าไวรัสโควิดสายพันธุ์โอไมครอนทำให้ฝรั่งเศสเผชิญการระบาดระลอกที่ 5 เช่นเดียวกัน สถานบันเทิงไนต์คลับต้องปิดทำการเป็นเวลา 4 สัปดาห์

อิตาลี

กรุงโรม ประกาศยกเลิกการรวมกลุ่มเฉลิมฉลองตามที่สาธารณะกลางแจ้ง รวมไปถึงสั่งงดการจุดพลุเฉลิมฉลองในคืนส่งท้ายปีเก่า ขณะที่บางพื้นที่อย่างนครมิลาน ในแคว้นลอมบาร์เดียยังคงจัดเป็นพื้นที่สีขาวที่มีความเสี่ยงต่ำ ร้านค้า ร้านอาหาร สถานบันเทิงยังคงเปิดให้บริการได้ภายใต้เงื่อนไขวัคซีนครบสองเข็ม และผลการตรวจคัดกรองเชื้อก่อนร่วมงาน มีเพียงห้ามการรวมกลุ่มเฉลิมฉลองและดื่มเหล้าในที่สาธารณะ

Advertisment

ส่วนเมืองเวนิซ ยกเลิกการจัดคอนเสิร์ตกลางแจ้ง และการจุดพลุฉลองคืนส่งท้ายปี

เนเธอร์แลนด์

นายกรัฐมนตรี มาร์ก รุตเตอ ประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์ประเทศซึ่งจะมีผลตั้งแต่ 18 ธ.ค. ไปจนถึงหลังช่วงเทศกาลปีใหม่ เพื่อสกัดไวรัสโอไมครอน ขณะที่สถานประกอบการซึ่งไม่จำเป็นต่อชีวิตประจำวัน อาทิ บาร์ ฟิตเนส ร้านตัดผม โรงภาพยนตร์ จะต้องปิดให้บริการไปจนถึง 14 มกราคม อีกทั้งห้ามการทำกิจกรรมรวมกลุ่มในที่สาธารณะ และจำกัดการพบปะของสมาชิกในครอบครัวไม่เกิน 4 คน

ไอร์แลนด์

แม้จำนวนผู้ติดเชื้อจะยังคงต่ำ แต่รัฐบาลไอร์แลนด์เตรียมประกาศให้ร้านอาหาร และผับบาร์ต้องปิดทำการตั้งแต่ 2 ทุ่มช่วงเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ รวมถึงจำกัดจำนวนคนที่เข้าร่วมกิจกรรมในร่มและกลางแจ้ง

เยอรมนี

นายกรัฐมนตรี โอลาฟ โชลซ์ เตรียมประกาศมาตรการใหม่เพื่อควบคุมสายพันธุ์โอไมครอนช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่า ซึ่งจะรวมถึงจำกัดการจัดกิจกรรมรวมกลุ่มไม่เกิน 10 ราย แม้จะเป็นผู้รับวัคซีนแล้วก็ตาม

ขณะเดียวกันนายกรัฐมนตรีโชลซ์ ยังเห็นพ้องกับมุขมนตรีทั้ง 16 รัฐของเยอรมนี ในการสั่งปิดสถานบันเทิง ไนต์คลับทั่วประเทศ รวมไปถึงการจัดแข่งขันฟุตบอลในสนามแบบไร้ผู้ชม ส่วนนครฮัมบูร์ก ทางเหนือของประเทศได้กำหนดข้อจำกัดตั้งแต่วันที่ 24 ธ.ค. ให้ร้านอาหารและบาร์ต้องปิดภายในเวลา 23.00 น. พร้อมประกาศเคอร์ฟิวตั้งแต่ 01.00 น. สำหรับวันส่งท้ายปีเก่า

สหรัฐอเมริกา

ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์ก กำลังพิจารณาว่าจะยังคงกิจกรรมเคานต์ดาวน์ปีใหม่ที่ย่านไทม์สแควร์ หรือไม่ โดยจะประเมินสถานการณ์จนถึงวันคริสต์มาสก่อนจะมีคำประกาศ

ขณะที่เมืองใหญ่อื่น ๆ ในสหรัฐอย่างนครลอสแองเจลิส ได้เปลี่ยนไปจัดกิจกรรมเคานต์ดาวน์แบบเสมือนจริง แทนที่การจัดเป็นกิจกรรมรวมกลุ่มกลางแจ้ง นับเป็นการส่งสัญญาณถึงความหวั่นวิตกต่อสถานการณ์ระบาดที่อาจเกิดขึ้นในไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า แม้ว่าประธานาธิบดีโจ ไบเดน จะยืนยันว่าไม่มีการสั่งล็อกดาวน์ รวมถึงเปิดเผยแผนรับมือโควิดโอไมครอนช่วงเทศกาล ที่รวมถึงการแจกชุดตรวจโควิด 500 ล้านชุดแก่ชาวอเมริกันฟรี

ขณะที่ศูนย์ควบคุมโรคสหรัฐเปิดเผยว่า เชื้อโอไมครอนได้กลายเป็นไวรัสสายพันธุ์หลักของประเทศ ผู้ติดเชื้อรายใหม่เป็นสัดส่วนถึง 73% ของผู้ติดเชื้อที่พบในสหรัฐ

จีน

ประเทศขนาดใหญ่ฝั่งเอเชียอย่างจีน เหมือนจะเป็นเพียงไม่กี่ประเทศในโลกที่ยังคงไร้ซึ่งมาตรการคุมเข้มโควิดช่วงปีใหม่ โดยหลายเมืองใหญ่ของจีนยังคงสามารถจัดกิจกรรมเฉลิมฉลองเคานต์ดาวน์และการรวมกลุ่มได้เช่นเดิม

สิงคโปร์

แม้เป็นประเทศที่อัตราประชากรเข้าถึงวัคซีนครบโดสสูงอันดับต้น ๆ ของโลก แต่สิงคโปร์สั่งยกเลิกการจุดพลุฉลองปีใหม่ที่ย่านมารีน่า เบย์ เพื่อป้องกันการรวมกลุ่มของผู้คน ขณะเดียวกันรัฐบาลได้สั่งยกเลิกการจำหน่ายตั๋วเดินทางสำหรับเที่ยวบินและรถโดยสารขาเข้าภายใต้โครงการเข้าประเทศปลอดกักตัว (quarantine-free travel) เป็นเวลา 4 สัปดาห์ นับตั้งแต่ 23 ธ.ค. เป็นต้นไป

Photo by Sam Yeh / AFP
Photo by Tolga Akmen / AFP

ไต้หวัน

ด้วยมาตรการอันมีประสิทธิภาพของรัฐบาลไต้หวัน ที่ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อต่ำ บรรยากาศการเฉลิมฉลองปีใหม่ของชาวไต้หวันยังคงคึกคัก กรุงไทเปยังคงเดินหน้าการจุดพลุเฉลิมฉลองทั่วประเทศ โดยที่ตึกไทเป 101 เทศบาลกรุงไทเป เตรียมจุดพลุมากกว่า 16,000 ลูกต่อเนื่องนาน 360 วินาที เพื่อฉลองการเข้าสู่ศักราชใหม่

ภาพ AFP