2022 ปีแห่งรถอีวีผงาด ตลาดแข่งดุ-โชว์เทคโนโลยีล้ำ

อีวี

อุตสาหกรรมยานยนต์ปัจจุบันนับว่ามาไกลจากยุค “เฮนรี่ ฟอร์ด” ซึ่งปฏิวัติการผลิตรถยนต์ช่วงต้นศตวรรษที่ 20 อย่างมาก จากยุคเครื่องยนต์สันดาปเชื้อเพลิงฟอสซิล ปัจจุบันทั่วโลกให้ความสำคัญรถยนต์พลังงานไฟฟ้า หรือรถอีวี ที่ประหยัดและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ขณะที่รถยนต์ไม่เป็นเพียงแค่พาหนะอีกต่อไป แต่รถยนต์สมัยใหม่ได้กลายเป็นอุปกรณ์เทคโนโลยีติดล้อมากขึ้น

ช่วง 2 ปีที่โลกเผชิญการระบาดใหญ่ ได้พลิกโฉมหน้าอุตสาหกรรมยานยนต์ทุกภาคส่วนตั้งแต่รูปแบบธุรกิจ จนถึงเทคโนโลยีบนท้องถนน ปี 2021 นับว่าเป็นปีสำคัญยิ่งของรถยนต์ไฟฟ้า ทว่า “การปฏิวัติ” ที่แท้จริงของรถยนต์ไฟฟ้าอาจได้เห็นในปี 2022

ข้อมูลจาก “บลูมเบิร์ก นิว เอเนอร์จี ไฟแนนซ์” (BNEF) ระบุว่า ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าในปี 2564 สูงถึง 5.6 ล้านคัน ซึ่งรวมทั้งรถอีวีและรถยนต์ไฟฟ้าปลั๊ก-อิน ไฮบริด ซึ่งตลาดสำคัญอยู่ที่จีน ยุโรป และสหรัฐอเมริกา

“รถอีวี” วิ่งเกลื่อนถนน

ความสำเร็จของ “เทสลา” ในฐานะผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ ได้พิสูจน์แล้วว่ารถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าจะมาแทนที่รถยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลภายในทศวรรษหน้า ปัจจัยที่สนับสนุน คือแนวโน้มราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้น และราคาแบตเตอรี่ถูกลง

ภายในปี 2022 รัฐบาลหลายชาติเริ่มกำหนดด้านนโยบายเกี่ยวกับรถเครื่องยนต์สันดาปอย่างจริงจัง โดยเฉพาะกฎเกณฑ์การปล่อยมลพิษที่เข้มงวด มาตรการทางภาษีที่ทำให้การเป็นเจ้าของรถยนต์อีวีง่ายและถูกกว่ารถเครื่องสันดาป ประกอบความตระหนักด้านสิ่งแวดล้อม ทำให้มีแววว่าการเติบโตของยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าจะสูงขึ้น

นอกจากเทสลา บรรดาค่ายรถยนต์ซึ่งเป็นผู้เล่นหน้าเก่า ต่างแห่เปิดตัวรถอีวีหลากหลายประเภทอย่างดุเดือด จากการประเมินของ Loren McDonald นักวิเคราะห์การตลาดรถอีวี ร่วมกับเว็บไซต์ EVAdoption พบว่าช่วงระหว่างปี 2010-2020 ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าในสหรัฐเพิ่มสูงขึ้นทุกปี จากปี 2010 อยู่ที่ 5,000 คัน มาถึงปี 2020 การใช้รถอีวีในอเมริกาสูงถึงเกือบ 835,000 คัน รัฐแคลิฟอร์เนียเป็นตลาดยอดนิยมของรถอีวีมากที่สุด

เมื่อพิจารณาตามอัตราการเติบโตของยอดขาย และมีแนวโน้มเป็นไปได้ว่ายอดการใช้งานรถอีวีทั่วโลกจะแซงหน้ารถเครื่องยนต์สันดาปภายในปี 2030 จากปัจจัยที่ในช่วงปีนี้หลายค่ายรถยนต์จะแข่งเปิดตัวรถอีวีอย่างถล่มทลาย

รถขับเคลื่อนอัตโนมัติ

นอกจากรถยนต์อีวีที่มีแนวโน้มเติบโตสูงตั้งแต่ปี 2022 อีกหนึ่งการเปลี่ยนแปลงสำคัญคือเทคโนโลยีรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ “ระบบออโต้ไพลอต” ของเทสลา ซึ่งการขับขี่อัตโนมัติจะถือเป็นก้าวสำคัญของวงการรถยนต์โลก อย่างไรก็ตาม ยังคงมีความท้าทายหลายประการ อาทิ ข้อจำกัดด้านซอฟต์แวร์ การอัพเกรดระบบปฏิบัติการ และต้นทุนการวิจัย

ในอนาคตจึงจะได้เห็นความร่วมมือของบรรดาสตาร์ตอัพ ผู้พัฒนาระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติจับมือกับค่ายรถยนต์มากขึ้นในการนำเทคโนโลยีนี้ใส่ในรถยนต์รุ่นใหม่ ๆ โดยเฉพาะรถประเภท
อีวี แม้อาจยังไม่ถึงขั้นที่รถขับเคลื่อนด้วยตัวเองตั้งจุดสตาร์ตถึงปลายทาง แต่ก็อาจมาในรูปแบบระบบช่วยการขับขี่ที่ทำให้รถฉลาดขึ้น จึงมีแนวโน้มสูงที่เทคโนโลยีชนิดนี้จะอยู่ในรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ ๆ เพื่อดึงดูดฐานลูกค้าที่อายุน้อยกว่าซึ่งเป็นกลุ่มที่นิยมความเป็นดิจิทัลในรูปแบบต่าง ๆ

ยานยนต์ที่เป็นมากกว่า “รถ”

รถยนต์ปัจจุบันมีคุณสมบัติอำนวยความสะดวกต่าง ๆ มากมาย ไม่ว่ารุ่นนั้นจะเป็นรถหรูราคาสูง หรือระดับกลาง นอกเหนือจากระบบช่วยขับขี่ ความปลอดภัย ความสะดวกสบายต่าง ๆ ความบันเทิงคืออีกสิ่งที่ทำให้รถเป็นมากกว่าแค่พาหนะ ด้วยคุณสมบัติเข้าถึงสตรีมมิ่งวิดีโอ เกมออนไลน์ เมตาเวิร์ส หรือการเข้าถึงไวไฟเหล่านี้จะกลายเป็นหนึ่งในออปชั่นหลักของบรรดาค่ายรถยนต์ภายในไม่กี่ปีข้างหน้า 
เพื่อทำให้แตกต่างจากคู่แข่ง

อีกสิ่งที่รถอีวีเป็นมากกว่าพาหนะคือ “V2G” หรือไฟฟ้าจากอีวีสู่ระบบกริด ซึ่งเป็นการนำพลังงานในแบตเตอรี่รถอีวีจ่ายเข้าสู่ระบบไฟฟ้าในบ้านในกรณีที่รถไม่ได้ใช้งาน ซึ่งจะเป็นประโยชน์กรณีที่ระบบไฟฟ้าหลักของบ้านขัดข้อง หรือกรณีเกิดภัยพิบัติ ทั้งสามารถขยายผลเป็นการขายไฟฟ้ากลับคืนเข้าสู่ระบบโดยที่จะเป็นประโยชน์ในแง่เศรษฐกิจ

แม้ตลาดรถอีวีมีแนวโน้มสดใสในปี 2022 จากปัจจัยหนุนหลายประการ ทว่า มีปัญหาคอขวดใหญ่ยากจะแก้ไข คือห่วงโซ่อุปทานการขาดแคลนชิปเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลก ที่ส่งผลต่อรถยนต์ทุกประเภท หลายค่ายรถรายงานว่ายอดขายหล่นลงตั้งแต่ 24-26% ในช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมา เนื่องจากการขาดแคลนชิปสืบเนื่องจากโรคระบาด ผู้ผลิตรถยนต์หลายรายรวมทั้งฟอร์ดและจีเอ็มต้องปิดโรงงานชั่วคราว
ในช่วงปีที่ผ่านมา พลาดเป้าทำยอดขาย


ดังนั้น หากปัญหาขาดแคลนชิปยังชะงักตลอดทั้งปี 2022 รถอีวีที่มีแนวโน้มดาวรุ่งในปีหน้า อาจไม่ได้รุ่งพุ่งพรวดเหมือนกับที่คาดการณ์ไว้