แดนสวรรค์นักเทรดเหรียญ ประเทศใดไร้ “ภาษีคริปโท”

แดนสวรรค์นักเทรดเหรียญ ประเทศใดไร้
FILE PHOTO: REUTERS/Dado Ruvic

สำรวจ 7 ประเทศเป็นมิตรกับนักลงทุน “คริปโทเคอร์เรนซี” นโยบายการจัดเก็บภาษีเป็นอย่างไร “สวิตเซอร์แลนด์-โปรตุเกส” ขึ้นแท่นแดนสวรรค์นักลงทุนบิตคอยน์

วันที่ 8 มกราคม 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลายเป็นกระแสดราม่ารับต้นปี 2565 หลังจากที่กรมสรรพกรมอบของขวัญปีใหม่ ด้วยการประกาศให้ผู้มีกำไรจากการซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซี ต้องเสียภาษีหักณ.ที่จ่าย และบุคคลที่มีเงินได้จากการซื้อขายคริปโทจะต้องยื่นแบบแสดงการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ซึ่งทำให้บรรดานักขุด นักเทรดเหรียญทั้งหลาย สับสนไปตามๆกันว่า จะเก็บในอัตราเท่าใด คำนวณภาษีอย่างไร

ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา การเติบโตของตลาดคริปโทเคอร์เรนซี่ หรือเงินสกุลดิจิทัล ส่งผลให้หลายประเทศพยายามออกกฎหมายกำกับดูแล โดยเฉพาะการเก็บภาษีกำไรจากการซื้อขายคริปโท เฉกเช่นกำไรที่ได้จากการขายหุ้น

อย่างไรก็ตามหลายประเทศถือเป็น “แหล่งหลบภัย” ชั้นดีจากการถูกเก็บภาษีในการทำธุรกรรมสินทรัพย์ดิจิทัล เนื่องด้วยเหตุผลหลายประการ ส่วนหนึ่งจากความหละหลวมของรัฐบาล ขณะที่อีกส่วนอาจมาจากแรงจูงใจของรัฐเองที่ต้องการสนับสนุนอุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัล

ข้อมูลจากเว็บไซต์ Coinmarketcap ซึ่งรวบรวมรายงานจากหลายแห่งทั้งข้อมูลจากรัฐบาลแต่ละชาติ จนถึงการจัดอันดับดัชนีประเทศที่เป็นมิตรกับเงินสกุลดิจิทัลอย่าง “บิตคอยน์” โดย PwC พบว่ามีหลายชาติบนโลกที่นโยบายทางภาษีที่เป็นมิตรต่อนักลงทุนและธุรกิจคริปโทฯ และนี่เป็นบางส่วนของประเทศหรือดินแดนที่เป็นมิตรกับการลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัลในขณะนี้

สิงคโปร์

“สิงคโปร์” เป็นที่รู้จักในฐานะศูนย์กลางของฟินเทคในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ธนาคารกลางสิงคโปร์ มองว่าระบบนิเวศของสกุลเงินดิจิทัลต้องได้รับการตรวจสอบเพื่อป้องกันการฟอกและกิจกรรมที่ผิดกฎหมาย แต่นวัตกรรมจะต้องไม่ถูกยับยั้ง

“บุคคลและธุรกิจ”ที่ถือสินทรัพย์คริปโท “เพื่อการลงทุนระยะยาว”ไม่จำเป็นต้องจ่ายภาษีกำไรจากการซื้อขายคริปโทฯ

โดยในปี 2020 หน่วยงานด้านภาษีของสิงคโปร์ได้ออกคำแนะนำสั้น ๆ เกี่ยวกับภาษีคริปโต ซึ่งชี้แจงว่า “กำไรจากการซื้อขายระยะสั้นต้องเสียภาษี”

อย่างไรก็ตามบริษัทที่เน้นการซื้อขายคริปโท หรือยอมรับสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นรูปแบบการชำระเงินจะต้องเสียภาษีเงินได้

ฮ่องกง

ด้วยสถานะของฮ่องกงที่เป็นเขตบริหารพิเศษ (SAR) ฮ่องกงจึงไม่ต่างสนามทดลองระบบทุนนิยมของรัฐบาลปักกิ่ง ด้วยฐานะศูนย์กลางการเงินของเอเชียทำให้ฮ่องกงมีกฎหมายที่เป็นมิตรต่อการลงทุนเช่นกัน

สินทรัพย์ดิจิทัลในฮ่องกงที่ซื้อและถือไว้เป็นการลงทุนระยะยาวไม่ต้องเสียภาษีใดๆ เช่นเดียวกับสิงคโปร์ ฮ่องกงไม่เก็บภาษีกำไรจากการขายคริปโท

อย่างไรก็ตาม ธุรกิจหรือบุคคลธรรมดา ที่จดทะเบียนซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลเป็น “ธุรกิจปกติ” ที่ ภาษี 17% เฉกเช่นธุรกิจประเภทอื่นๆ

มาเลเซีย

เนื่องจากมาเลเซีย ไม่ถือว่าเงินสกุลดิจิทัลเป็นสินทรัพย์หรือธุรกรรมที่ถูกกฎหมาย ด้วยเหตุนี้ ธุรกรรมสกุลดิจิทัลจึงยังไม่ต้องเสียภาษี อย่างไรก็ดีกฎหมายนี้ใช้เฉพาะกับบุคคลเท่านั้น แต่ธุรกิจที่ทำธุรกิจด้านคริปโทเคอร์เรนซี ต้องปฏิบัติตามกฎหมายภาษีเงินได้ของมาเลเซีย

โปรตุเกส

“โปรตุเกส”ถือเป็นชาติหนึ่งที่ทั้งบรรดานักขุดและนักเทรดเหรียญชื่นชอบ เนื่องจากรัฐบาลได้ออกกฎหมายตั้งแต่ปี 2018 ที่ข้อกำหนดว่า ผู้เทรดเงินสกุลดิจิทัลได้บการยกเว้นภาษีเงินได้
ขณะที่บุคคลในโปรตุเกสที่มีกำไรจากการซื้อและขายสกุลเงินดิจิทัลจะไม่ถูกเก็บภาษีกำไรจากการขาย นอกจากนี้ การแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลเป็นสกุลเงินอื่นๆ ยังไม่ต้องเสียภาษีอีกด้วย เว้นแต่ธุรกิจที่ยอมรับการชำระเงินด้วยคริปโทยังคงต้องเสียภาษีเงินได้ตามปกติไม่ต่างกับเอกชนทั่วไป

สวิตเซอร์แลนด์

สวิตเซอร์แลนด์ได้ชื่อว่าเป็นแดนสวรรค์การเงิน เนื่องจากกฎหมายภาษีที่ไม่เข้มงวด ประกอบกับกฎหมายความเป็นส่วนตัว ทำให้บรรดาธนาคารสวิสฯ มักถูกแพ่งเล็งในฐานะแหล่งหลบเลี่ยงภาษี และฟอกเงิน จึงอยู่ภายใต้แรงกดดันจากหน่วยงานกำกับดูแลจากทั้งสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรป

สวิตเซอร์แลนด์ได้ชื่อว่าเป็นดินแดนของบรรดามหาเศรษฐี เนื่องจากการเก็บภาษีบุคคลมั่งคั่งในระดับต่ำ

และธุรกรรมคริปโทฯก็ได้รับการปฏิบัติเช่นเดียวกับภาษีเงินได้บุคคลแบบดั่งเดิมโดย Swiss Federal Tax Administration หน่วยงานด้านภาษีของสวิตฯ ถือว่ากำไรและขาดทุนจากการซื้อขายคริปโทของบุคคลทั้งหมดได้รับการยกเว้นภาษี

อย่างไรก็ตาม บริษัทที่ทำธุรกิจด้านคริปโทจำเป็นต้องรายงานผลกำไรและต้องเสียภาษีต่อรัฐ
ด้วยนโยบายภาษีที่ผ่อนปรนทำให้สวิตเซอร์แลนด์กลายเป็นดินแดนที่ทำให้บริษัทด้านคริปโทหลายแห่งนิยมตั้งสำนักงานใหญ่ในประเทศนี้

เยอรมนี

ประเทศเยอรมนีได้ชื่อว่าเคร่งครัดเรื่องภาษีและรัฐสวัสดิการ แทบไม่น่าเชื่อว่าจะถูกจัดให้เป็นหนึ่งในแดนสวรรค์ชาติไร้ภาษีคริปโท เยอรมนียังไม่ได้มีกฎหมายที่เก็บภาษีจากการลงทุนในสกุลดิจิทัลแม้ว่ากระแสเงินดิจิทัลจะมาแรงในประเทศมากกว่าหนึ่งปี

เยอรมนีไม่เก็บภาษีจาการลงทุนในสกุลเงินดิจิทัล ที่ถือครองเกิน 1 ปี นอกจากนี้ยังยกเว้นภาษี 600 ยูโร สำหรับสกุลเงินดิจิทัลที่แลกเปลี่ยนเป็นเงินตราทั่วไปที่ออกโดยรัฐบาล หรือสกุลเงินดิจิทัลอื่นๆ
อย่างไรก็ตามผู้ที่มีกำไรจากการซื้อขายคริปโทตั้งแต่ 600 ยูโรขึ้นไปภายในหนึ่งปีจะต้องเสียภาษี ซึ่งเป็นกฎหมายเดิมเช่นเดียวกับการซื้อขายหุ้น

นอกจากนี้ เยอรมนีซึ่งได้รัฐบาลชุดใหม่จากพรรคการเมืองสามฝ่าย ภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีโอลาฟ โชลซ์ เตรียมพิจารณาผลักดันกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับสกุลดิจิทัลในอนาคต

สหรัฐอเมริกา

แม้การเทรดเหรียญหรือขุดเหรียญดิจิทัล แต่ละมลรัฐในอเมริกา อาจมีกฎระเบียบที่แตกต่างกัน ทว่าสำนักงานสรรพากรของรัฐบาลกลางวอชิงตันกำหนดว่า กรณีซื้อขายคริปโทฯเพื่อทำกำไรในระยะสั้น จะถูกเก็บภาษีราว 10-37% ส่วนกำไรจากการลงทุนระยะยาวจะเสียภาษีระหว่าง 0-20 %

นอกจากนี้ธุรกรรมคริปโทซึ่งมีมูลค่าเกิน 10,000 ดอลลาร์ ต้องแจ้งต่อสรรพากรสหรัฐภายใน 15 วัน ส่วนผลกำไรหรือขายทุนจากการเทรดสามารถหักลบกันได้

ปัจจุบันอย่างน้อย 7 ชาติทั่วโลกที่ไร้การเก็บภาษีคริปโทได้แก่ โปรตุเกส เบลารุส สโลวีเนีย มอลต้า ลักเซนเบิร์ก เอสโตเนีย และ สวิตเซอร์แลนด์ เนื่องจากเรื่องสินทรัพย์ดิจิทัล หรือ คริปโทเคอร์เรนซี สร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของเทคโนโลยีการเงินแห่งอนาคต ทำให้หน่วยงานกำกับดูแลของหลายประเทศทั่วโลกยังอยู่ระหว่างการวิ่งไล่ตาม เป็นที่สังเกตว่าหลายชาติยังไม่มีกฎหมายกำกับดูแลคริปโทและสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างชัดเจน

ในทางกลับกันบางประเทศได้ยึดความคิดริเริ่มและเลือกที่จะกำหนดกฎระเบียบที่จะเอื้ออำนวยต่อการเสริมสร้างเศรษฐกิจโดยส่งเสริมการเติบโตของสินทรัพย์ดิจิทัล