เอกชนจีนหาทุนนอกตลาด หนีกฎห้ามทำ IPO ต่างแดน

จีน

นับตั้งแต่จีนบังคับใช้มาตรการเข้ม ห้ามเอกชนจีนจดทะเบียนระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ต่างแดน ได้สร้างปัญหาให้กับบรรดาบริษัทสตาร์ตอัพในการระดมทุนอย่างมาก มาตรการเข้มนี้ผลักดันให้สตาร์ตอัพ
จีนไม่มีทางเลือกที่ต้องหันไประดมทุนนอกตลาดหลักทรัพย์ จากกลุ่มนักลงทุนโดยตรง (private capital) ซึ่งพบว่าการระดมทุนลักษณะนี้กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วโดยเฉพาะภูมิภาคเอเชีย

เจพี มอร์แกน (JP Morgan) วาณิชธนกิจยักษ์ใหญ่ของสหรัฐ ประเมินว่า นับตั้งแต่ปักกิ่งใช้มาตรการเข้มงวดกับบริษัทจีนที่ห้ามจดทะเบียนตลาดหลักทรัพย์ต่างประเทศ ทำให้บริษัทยูนิคอร์นจีน หันมาเน้นการระดมทุนนอกตลาดจากกลุ่มนักลงทุนในเอเชีย ด้วยมูลค่ากว่า 2.4 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐในปีที่แล้ว เพิ่มจากระดับ 1 แสนล้านดอลลาร์ในปี 2017 ซึ่งได้รับการสนับสนุนเงินทุนจากบริษัทจีนเป็นส่วนใหญ่

อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จีนจะเข้มงวดการยื่น IPO ต่างแดน บริษัทด้านการลงทุนรายยักษ์อย่าง Blackstone และ Temasek Holdings ต่างรุมเสนอซื้อหุ้นไอพีโอบริษัทเอกชนจีนชนิดถล่มทลาย ก่อนที่จะมีการเปิดขายไอพีโอแก่สาธารณะทั่วไป

“เซลิน่า ชาง” หัวหน้าฝ่ายตลาดหุ้นและการเงินส่วนบุคคลภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ของธนาคารยูบีเอส กล่าวว่า “มีบริษัทสตาร์ตอัพจำนวนมากที่ให้ความสนใจระดมทุนนอกตลาดหลักทรัพย์ จากที่เสนอขายหุ้นไอพีโอยากขึ้น ท่ามกลางระเบียบอันเข้มงวด และความตึงเครียดระหว่างจีนกับสหรัฐ”

ผู้เชี่ยวชาญจากยูบีเอส ยกตัวอย่างกรณีแผนขายหุ้นไอพีโอของ “ไบต์แดนซ์” เจ้าของแอป ติ๊กต็อก ในตลาดหุ้นวอลล์สตรีต ว่า ไม่ใช่แค่บริษัทจีนรายนี้รายเดียว ที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการเข้มดังกล่าว ทว่ามีบริษัทจีนหลายรายที่ต้องฝันสลายจากการเข้าระดมทุนตลาดหุ้นสหรัฐ ทั้งยังบั่นทอนศักยภาพของสตาร์ตอัพที่มีอัตราการเติบโตสูง

“หุ้นนอกตลาด ถือเป็นแหล่งลงทุนสำคัญของบรรดา alpha investor (นักลงทุนที่พยายามสร้างผลตอบแทนให้ได้มากกว่าตลาด) พวกเขาต้องการลงทุนในบริษัทสตาร์ตอัพที่มีศักยภาพก่อนที่บริษัทเหล่านั้นจะเข้าเสนอขายหุ้นต่อสาธารณะ” โจนาธาน พอล หัวหน้าฝ่ายตลาดทุน ประจำเอเชีย-แปซิฟิก ของเจพี มอร์แกน ให้ความเห็น

“ชูโบมอย บิสวาส” หัวหน้าฝ่ายตลาดทุน ของโนมูระ โฮลดิ้งส์ กล่าวว่า การระดมทุนนอกตลาด ของบริษัทเอกชนในเอเชียเติบโตขึ้นอย่างมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ทั้งยังแพร่หลายมากขึ้นกว่าเดิมมาก “ก่อนหน้านี้ความสนใจการลงทุนในสินทรัพย์นอกตลาด มักจำกัดเฉพาะนักลงทุนบางกลุ่ม แต่ตอนนี้ได้รับความสนใจจากทั้งกองทุนไพรเวตอิควิตี้ นักลงทุนองค์กรและนักลงทุนแบบครอสโอเวอร์”

ข้อมูลของธนาคารยูบีเอสชี้ว่า บริษัทด้านการลงทุนอย่าง Blackstone, PAG และ TPG ได้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้ลงทุนรายใหญ่ในสินทรัพย์นอกตลาด โดย PAG ถือบริษัทการลงทุนภาคเอกชนที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย ได้เข้าลงทุนซื้อหุ้นบริษัท Dalian Wanda Group ของจีนก่อนเข้าระดมทุนในตลาดฮ่องกง

ขณะที่กลุ่มเทมาเส็ก โฮลดิ้งส์ ของสิงคโปร์ ก็เข้าลงทุนในบริษัท “Genki Forest” หรือ “โคคา โคลาเวอร์ชั่นจีน” เมื่อปีที่แล้ว ก่อนที่จะเปิดซื้อขายไอพีโอมูลค่า 15,000 ล้านดอลลาร์

แม้ดูเหมือนปิดกั้นโอกาสต่อเอกชนจีนที่จะแสวงหาทุนผ่านตลาดหลักทรัพย์ต่างแดน แต่บรรดาวาณิชธนกิจรายใหญ่ของโลกถือว่าได้รับอานิสงส์จากที่จีนบังคับใช้กฎเข้มดังกล่าว ทำให้การระดมทุนของสินทรัพย์นอกตลาดเติบโตมากขึ้น โดย “เจพี มอร์แกน” ถือเป็นวาณิชธนกิจยุคแรก ๆ ที่ตั้งทีม private capital เมื่อ 6 ปีที่แล้ว และยังตั้งทีมเพื่อดูแลตลาดเอเชียเมื่อ 4 ปีที่ผ่านมา

ขณะที่โนมูระ, ยูบีเอส และจูเลียส แบร์ ธนาคารสัญชาติสวิส ก็เป็นกลุ่มบริษัทที่มีการตั้งทีมเพื่อบริหารการลงทุนของบริษัทนอกตลาด

โดย “จูเลียส แบร์” เพิ่งเซตอัพทีมเมื่อประมาณหนึ่งปีที่แล้ว ด้วยการว่าจ้าง “จูเซปเป้ เด ฟิลิปโป” อดีตนายธนาคารผู้มากประสบการณ์จากยูบีเอสมาบริหารเด ฟิลิปโป เผยว่า มหาเศรษฐีทั่วโลก ปัจจุบันนิยมเข้าลงทุนโดยตรงในบริษัทนอกตลาด คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 30% ของพอร์ตสินทรัพย์ของพวกเขา ซึ่งมองว่าเป็นหนึ่งในการช่วยกระจายความเสี่ยงพอร์ตลงทุน

ขณะที่นักลงทุนบางกลุ่มมองว่า กฎเข้มแบนเข้าจดทะเบียนตลาดหุ้นต่างชาติของจีน ไม่อาจห้ามการเข้าไอพีโอได้อย่างถาวร เป็นแค่การ “ซื้อเวลา” เท่านั้น ตัวอย่างเช่น “Pony.ai” สตาร์ตอัพรถยนต์ไร้คนขับ เคยมีแผนยื่นไอพีโอเข้าตลาดหุ้นฮ่องกง กำลังชั่งน้ำหนักถึงการระดมทุน 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ด้วยการหาเงินจากตลาด private capital แทน

สตาร์ตอัพแถบอาเซียนก็ได้รับอานิสงส์เช่นกัน โดย “GoTo Group” ของอินโดนีเซียระดมทุนได้มากกว่า 1.3 พันล้านดอลลาร์ในรอบการระดมทุนก่อนการเสนอขายหุ้น IPO เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2021 จากนักลงทุนหลายแห่งอย่าง Abu Dhabi Investment Authority และกลุ่มเทมาเส็ก


“ตลาดหุ้นเคยเป็นแหล่งลงทุนหลักของนักลงทุน ทว่าตอนนี้สามารถแสวงหาผลตอบแทนการลงทุน มากขึ้นจากการลงทุนในสินทรัพย์นอกตลาด” เด ฟิลิปโป ทิ้งท้าย