รัสเซีย-ยูเครน: TikTok เครื่องมือ Gen Z สะท้อนวิกฤตยูเครน

รัสเซีย-ยูเครน: เหล่าวัยรุ่น Gen Z ใช้ TikTok สื่อสารทางการเมือง

“Vladdy Daddy โปรดอย่าทำสงคราม” ชาว Gen Z โพสต์เกี่ยวกับความตึงเครียดที่กำลังก่อตัวขึ้นระหว่างรัสเซียและยูเครน

วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2565 รอยเตอร์สรายงานว่า เหล่าวัยรุ่น Gen Z หันมาใช้แอปพลิเคชั่น TikTok และ อินสตาแกรม เพื่อเป็นกระบอกเสียงเรื่องความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน ซึ่งบางคนเรียกร้องให้ผู้นำ “วลาดิมีร์ ปูติน” ที่พวกเขาเรียกว่า “Vladdy Daddy” ให้ถอยจากการทำสงคราม

วิดีโอ TikTok ได้กลายเป็นแหล่งข้อมูลสำหรับนักวิจัยที่ติดตามความเคลื่อนไหวในการสร้างกองกำลังของรัสเซียที่มากกว่า 100,000 นายใกล้ชายแดนยูเครน แม้ว่ามอสโกจะปฏิเสธข้อกล่าวหาของตะวันตกว่ากำลังวางแผนจะบุกเพื่อนบ้าน

ผู้ใช้โซเชียลมีเดียได้แสดงความคิดเห็นนับพันบนโพสต์อินสตาแกรมจากบัญชีอย่างไม่เป็นทางการของประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา โฆษกของ Meta (เฟซบุ๊ก) กล่าวว่าพวกเขาไม่ทราบว่าปูตินมีบัญชีทางการบนเฟซบุ๊กและอินสตาแกรม

ชื่อเล่น “Vladdy Daddy” ซึ่งตีความหมายแฝงทางเพศได้เช่นกัน ได้รับความนิยมบนอินเทอร์เน็ตตั้งแต่ช่วงปี 2559 ตามฐานข้อมูลมีมจาก Know Your Meme

Gen Z ซึ่งนักวิจัยระบุว่าเป็นผู้ที่เกิดตั้งแต่ช่วงปลายยุค 1990 ถึงช่วงต้นยุค 2010 หนึ่งในนั้นอย่าง “ฮังก้า” เด็กอายุ 12 ปีในสโลวะเกียที่ได้เรียนรู้เกี่ยวกับมีม ผ่าน TikTok ได้ทำการโพสต์ว่า “Vladdy Daddy โปรดอย่าทำสงคราม” ในความคิดเห็นในบัญชีใดบัญชีหนึ่งของปูติน

ด้านผู้ใช้คนอื่น ๆ ได้แสดงความคิดเห็น เช่น “วลาดิมีร์ นี่ไม่ใช่คุณเลย”

“ฉันและเพื่อน เล่นพูดจริงหรือให้ท้า และพวกเขาท้าให้ฉันพิมพ์แบบนั้น” ฮังก้า ผู้ขอให้เปิดเผยเพียงชื่อของเธอเท่านั้น กล่าวในการให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์

แต่มีมดังกล่าวได้รับการวิพากษ์วิจารณ์บนทวิตเตอร์จาก “ลีน่า” ผู้ใช้อายุ 16 ปีที่อาศัยอยู่ในโปแลนด์ เธอกล่าวว่า “ฉันไม่คิดว่าคนที่อยู่ห่างไกลและมองว่านี่เป็นแค่มีมหรือเรื่องตลกควรขำกับเรื่องนี้ เพราะมันเป็นสถานการณ์ที่ร้ายแรง”

TikTok ไม่ตอบสนองต่อการร้องเรียนสำหรับการแสดงความคิดเห็นที่ปรากฏหลักฐานของพฤติกรรมชี้นำไปในทางที่ผิดต่อผู้ที่ติดตามเทรนด์ อีกทั้งข้อความและวิดีโอจำนวนมากไม่ได้ระบุว่าถูกโพสต์มาจากที่ใด

ทั้งนี้ TikTok เป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในรัสเซีย โดยมีการเข้าถึงรายเดือนมากกว่า 40 ล้านคน ตามรายงานของบริษัทวิจัย มีเดียสโคป

จากการเต้นสู่การเมือง

TikTok มีการเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม แอปที่ถูกพัฒนาโดยบริษัท ByteDance ของจีนนั้น ในสมัยก่อนเป็นที่รู้จักสำหรับการทำแชลเลนจ์แบบไวรัล และเทรนด์การเต้นในเหล่าวัยรุ่น ซึ่งแอปนี้ได้กลายเป็นปลายทางสำหรับเนื้อหาทางการเมืองมากขึ้นในขณะนี้

“นิน่า ยานโควิช” นักวิจัยที่ทำงานร่วมกับ Centre for Information Resilience ในสหราชอาณาจักรในการตรวจสอบเนื้อหาบนโอเพ่นซอร์ส (ซอฟต์แวร์ที่สามารถแจกจ่ายได้ฟรี) กล่าวว่า “เป็นเรื่องน่าสนใจที่ TikTok เชื่อมโยงผู้ชมอายุน้อยเข้ากับการเมืองและเหตุการณ์ระดับโลกได้ ไม่มีแพลตฟอร์มอื่นที่ทำได้ในระดับเดียวกันแล้ว”

แต่เธอเชื่อว่าการมีส่วนร่วมทางออนไลน์ไม่น่าจะนำไปสู่การก่อให้เกิดการดำเนินการแบบออฟไลน์ เช่น การประท้วงในวงกว้าง

วิดีโอที่อธิบายวิกฤตรัสเซีย-ยูเครน ก็เกิดการเผยแพร่เช่นกัน บางวิดีโอมาจากฝั่งตะวันตก และบางวิดีโอก็ดูเหมือนมาจากรัสเซีย

“มายกา ฮินตัน” นักศึกษาอายุ 21 ปีที่มหาวิทยาลัยฟอร์ดแฮมในนครนิวยอร์ก ซึ่งโพสต์ข่าวและวิดีโอแสดงความคิดเห็นบน TikTok และได้รับการเข้าชมนับพันครั้งในวิดีโอของเธอเกี่ยวกับวิกฤตครั้งนี้ เธอหวังว่ามันจะช่วยให้นักเรียนมัธยมปลายเข้าใจสิ่งที่เรียนในโรงเรียนได้ดีขึ้น และบอกกับนักศึกษาที่อาจไม่ได้ดูทีวีหรือสมัครรับข่าวจากหนังสือพิมพ์

ฮินตันกล่าวว่า เธอปรับแต่งภาษาของเธอให้เหมาะสมกับผู้ชมที่อายุน้อยกว่า โดยเพิ่มการใช้สำนวนและคำที่เข้าใจง่าย

“ฉันคิดว่า TikTok มีบทบาทอย่างมากในการรับข้อมูลหรือจัดเรียงความคิดเห็นของเรา เพียงเพราะนั่นคือแอปที่ทุกคนใช้อยู่ตอนนี้” เธอเผย

นอกจากนี้ยังมีการโพสต์วิดีโอภาษารัสเซียที่อธิบายถึงเหตุการณ์ดังกล่าว นอกเหนือจากวิดีโอที่อ้างว่าเป็นการแสดงยุทโธปกรณ์ทางทหารขณะเคลื่อนพล

ผู้ใช้รายหนึ่งชื่อ Maxim ซึ่งมีผู้ติดตาม 29,000 คน ใช้ชื่อว่า @novosileckij ได้เพิ่มยอดดูเกือบ 1 ล้านครั้งสำหรับวิดีโออธิบายซึ่งแสดงความสงสัยว่ารัสเซียจะบุกยูเครนจริง ๆ

แหล่งเก็บข้อมูลการศึกษา

สำหรับนักวิจัยโอเพ่นซอร์ซ วิดีโอ TikTok ที่โพสต์โดยผู้ใช้ในภูมิภาคนี้ยังถูกใช้เพื่อติดตามการเคลื่อนพลทางทหารอีกด้วย

“ไมเคิล เชลดอน” ผู้ร่วมวิจัยจากแล็บการเก็บหลักฐานของแอตแลนติก เคาน์ซิล กล่าวผ่าน TikTok ว่าเขาติดตามการเคลื่อนพลของรัสเซีย นี่เป็นหนึ่งในการสร้างแนวรบทางทหารครั้งแรกที่แอปนี้เป็นแหล่งสำคัญในการเก็บข้อมูลของเขา

ไมเคิลกล่าวว่า “TikTok เป็นหนึ่งในเกมหลักในแง่ของข้อมูลภาพที่เก็บรวบรวมมาจากการสะสม” และกล่าวเสริมอีกว่า ประมาณ 80% ของการวิเคราะห์โอเพ่นซอร์ซของเขาได้มาจากการสะสมใน TikTok

กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นว่ามีการโพสต์วิดีโอ TikTok จากผู้เห็นเหตุการณ์ที่ติดตามการตั้งกำลังพลหรือไม่

ยานโควิชกล่าวว่า คนหนุ่มสาวในรัสเซียมีความเสี่ยงต่ออนาคตเมื่อโพสต์โซเชียลมีเดีย โดยอ้างว่าอาจถูกจับกุมผ่านโพสต์บนเฟซบุ๊กและอินสตาแกรม รัสเซียกดดันบริษัทโซเชียลมีเดียรายใหญ่ด้วยค่าปรับและการชะลอตัวในการลบเนื้อหาที่ถูกแบน

นอกจากนี้ รายงานความโปร่งใสล่าสุดของ TikTok เผยว่า รัสเซียเป็นแหล่งที่มาของคำขอให้ลบข้อมูลจากรัฐบาลที่ใหญ่ที่สุดเพียงแหล่งเดียวในช่วงเดือนมกราคม-มิถุนายน 2564