เปิด 4 สาเหตุ ทำไมเมืองมารีอูปอลของยูเครน ถึงสำคัญต่อการเข้ายึดจากกองทัพรัสเซีย
วันที่ 22 มีนาคม 2565 บีบีซี รายงานว่า มารีอูปอลกลายเป็นเมืองที่ถูกทิ้งระเบิดและเสียหายอย่างหนักที่สุดในสงครามระหว่างยูเครนและรัสเซีย โดยต้องทนทุกข์ทรมานจากการโจมตีของรัสเซียอย่างต่อเนื่อง และเป็นกุญแจสำคัญในการตั้งจุดยุทธศาสตร์ของทหารมอสโกในยูเครน
- เรือสิงคโปร์ชนสะพานในสหรัฐ มีประวัติไม่ดีมาก่อน เรารู้อะไรแล้วบ้างตอนนี้ ?
- สถิติหวย ตรวจหวย ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวด 1 เมษายน ย้อนหลัง 10 ปี
- หุ้นกู้ออกใหม่ 12 บริษัทแห่ขายเดือน เม.ย.นี้ จ่ายดอกเบี้ยสูงสุด 7.40%
มีเหตุผลหลักอยู่ 4 ข้อที่ว่าทำไมการยึดเมืองท่าจึงเป็นชัยชนะเชิงกลยุทธ์สำหรับรัสเซีย และการสร้างความเสียหายร้ายแรงให้กับยูเครน
รักษาความปลอดภัยทางบกระหว่างแหลมไครเมียและดอนบัส
ในทางภูมิศาสตร์ เมืองมารีอูปอล มีพื้นที่เพียงเล็กน้อยบนแผนที่ แต่ปัจจุบันตั้งขวางทางกองกำลังรัสเซีย พวกเขากำลังผลักดันให้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือเชื่อมโยงกับสหายของพวกเขาและพันธมิตรที่แบ่งแยกดินแดนยูเครนในดอนบัส ทางตะวันออกของยูเครน
“พล.อ.เซอร์ ริชาร์ด บาร์รอนส์” อดีตผู้บัญชาการกองบัญชาการกองกำลังร่วมแห่งสหราชอาณาจักร กล่าวว่า การเข้ายึดมารีอูปอลมีความสำคัญต่อการทำสงครามของรัสเซีย
หากมารีอูปอลถูกยึด รัสเซียจะเข้าควบคุมมากกว่า 80% ของชายฝั่งทะเลดำของยูเครน โดยจะตัดการค้าทางทะเลและแยกประเทศออกจากโลกภายนอก
ด้วยการยืนหยัดต่อต้านการรุกรานของกองกำลังยูเครน พวกเขาสามารถปกป้องมารีอูปอลเอาไว้ได้ แต่ความล้มเหลวของการบุกจากฝั่งรัสเซียได้กระตุ้นให้ผู้บังคับบัญชาของรัสเซียหันไปใช้ยุทธวิธีการล้อมกรอบในยุคกลางช่วงศตวรรษที่ 21
พวกเขาถล่มมารีอูปอลด้วยปืนใหญ่ จรวด และขีปนาวุธ สร้างความเสียหายหรือทำลายเมืองกว่า 90% ทั้งยังตัดไฟฟ้า เครื่องทำความร้อน น้ำจืด อาหาร และเวชภัณฑ์ ซึ่งก่อให้เกิดการรุกล้ำกฎมนุษยธรรม ซึ่งตอนนี้มอสโกโทษว่ายูเครนปฏิเสธที่จะยอมจำนนภายในเวลาที่กำหนด ด้าน ส.ส.ยูเครนกล่าวหารัสเซียว่า “พยายามบีบให้มารีอูปอลยอมจำนน”
ยูเครนให้คำมั่นว่าจะปกป้องเมืองนี้ตราบจนทหารนายสุดท้าย ด้านกองทหารรัสเซียกำลังค่อย ๆ รุกเข้าสู่ศูนย์กลางเมือง และหากไม่มีข้อตกลงสันติภาพใด ๆ รัสเซียมีแนวโน้มที่จะทิ้งระเบิด ซึ่งยังคงมีพลเรือนที่ได้รับผลกระทบในพื้นที่กว่า 2 แสนคน
หากเมื่อใดที่รัสเซียยึดมารีอูปอลได้ จะทำให้ทหารรัสเซียเกือบ 6,000 นายเป็นอิสระและร่วมผนวกเสริมทัพกับแนวรบอื่น ๆ ของรัสเซียในยูเครนได้
บีบเศรษฐกิจยูเครน
มารีอูปอล เป็นเมืองท่าที่สำคัญทางยุทธศาสตร์บนทะเลอาซอฟซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของทะเลดำ
ด้วยท่าเทียบเรือที่ลึก ทำให้ท่าเรือนี้เป็นท่าเรือที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาค และเป็นที่ตั้งของโรงงานเหล็กและเหล็กกล้ารายใหญ่ ในช่วงเวลาปกติมารีอูปอล เป็นศูนย์กลางการส่งออกที่สำคัญสำหรับเหล็ก ถ่านหิน และข้าวโพดของยูเครนที่ส่งถึงลูกค้าในตะวันออกกลางและภูมิภาคอื่น ๆ
เป็นเวลา 8 ปีแล้ว นับตั้งแต่การผนวกไครเมียของมอสโกอย่างผิดกฎหมายในปี 2557 ทำให้เมืองได้ถูกประกบระหว่างกองกำลังรัสเซียบนคาบสมุทรและกลุ่มแบ่งแยกดินแดนที่สนับสนุนรัฐบาลรัสเซียในสาธารณรัฐโดเนตสก์และลูฮันสก์ที่แยกตัวออกมา
การสูญเสียมารีอูปอลจึงเป็นการทิ้งระเบิดครั้งใหญ่ใส่เศรษฐกิจที่เหลืออยู่ของยูเครน
โอกาสในการโฆษณาชวนเชื่อ
มารีอูปอล เป็นที่ตั้งของหน่วยทหารอาสาของยูเครน ที่เรียกว่า “กองกำลังอาซอฟ” ที่ตั้งชื่อตามทะเลอาซอฟ ซึ่งเชื่อมเมืองมารีอูปอลกับทะเลดำ กองกำลังอาซอฟนั้นมีกลุ่มหัวรุนแรงขวาจัด รวมถึงนีโอนาซีอยู่ด้วย
แม้ว่าพวกเขาจะเป็นส่วนน้อยของกองกำลังยูเครน แต่ก็เป็นเครื่องมือโฆษณาชวนเชื่อที่มีประโยชน์สำหรับมอสโก เมื่อใช้เป็นข้ออ้างในการบอกประชากรของรัสเซียว่าชายหนุ่มที่ถูกส่งไปสู้รบในยูเครนนั้นเป็นพวกนีโอนาซี และสร้างความชอบธรรมในการกำจัดพวกเขา
หากรัสเซียเข้าจับกุมกองกำลังอาซอฟได้มากพอ ก็เป็นไปได้ว่าพวกเขาจะถูกใช้ออกอากาศบนสื่อที่ควบคุมโดยรัฐบาลรัสเซีย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนการสงครามข้อมูลที่กำลังดำเนินอยู่เพื่อทำลายชื่อเสียงของยูเครน
ขวัญกำลังใจที่สำคัญ
การยึดมารีอูปอล มีความสำคัญต่อกำลังใจทั้ง 2 ฝ่าย
หากรัสเซียชนะ จะทำให้เครมลินสามารถบอกประชากรของพวกเขาผ่านสื่อที่รัฐควบคุมว่ารัสเซียบรรลุเป้าหมายและมีความก้าวหน้าทางสงคราม
สำหรับประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน สงครามครั้งนี้ดูเหมือนจะเป็นเรื่องส่วนตัว และล้วนมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ เพราะเขาเห็นว่าแนวชายฝั่งทะเลดำของยูเครนเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งที่เรียกว่าโนโวรอสซียา (รัสเซียใหม่) ซึ่งเป็นดินแดนของรัสเซียที่มีมาตั้งแต่สมัยจักรวรรดิศตวรรษที่ 18
ปูตินต้องการรื้อฟื้นแนวคิดดังกล่าว คือ “ช่วยเหลือชาวรัสเซียจากการปกครองแบบเผด็จการของรัฐบาลตะวันตกในเคียฟ” ซึ่งมารีอูปอลกำลังขวางทางเขาในการบรรลุเป้าหมายนั้น
แต่สำหรับชาวยูเครน การเสียมารีอูปอลจะเป็นเรื่องใหญ่ไม่เพียงแค่ด้านทหารและเศรษฐกิจ แต่ยังรวมถึงจิตใจของชายหญิงที่ต่อสู้เพื่อปกป้องประเทศของตน มารีอูปอลจะกลายเป็นเมืองใหญ่เมืองแรกที่ตกเป็นของรัสเซียต่อจากเคอร์ซอน ซึ่งเป็นเมืองที่มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์น้อยกว่ามากจนแทบไม่ได้รับการปกป้อง
ขวัญกำลังใจอีกประการคือเมืองนี้เปรียบเหมือนป้อมปราการ
มารีอูปอล เป็นเมืองที่ลุกขึ้นต่อต้านการบุกอย่างรุนแรง แต่ผลที่ตามมาคือเมืองส่วนใหญ่พังยับเยิน และกลายเป็นซากปรักหักพัง คล้ายกับในอดีตเมื่อเมืองกรอซนีและอเล็ปโป ถูกทิ้งระเบิดจนกลายเป็นซากปรักหักพังในที่สุด
ข้อความที่ส่งถึงเมืองอื่น ๆ ในยูเครนนั้นชัดเจนว่า หากเลือกที่จะต่อต้านเหมือนที่มารีอูปอลทำ ก็สามารถเจอชะตากรรมแบบเดียวกันได้
พล.อ.เซอร์ ริชาร์ด กล่าวว่า “รัสเซียไม่สามารถเดินเข้าไปในมารีอูปอลได้ พวกเขาไม่สามารถขับไปด้วยรถถัง ดังนั้น พวกเขาจึงทุบมันให้พังก่อน และนั่นคือสิ่งที่เราเดาได้ว่าจะเกิดขึ้นกับสถานที่อื่นที่พวกเขาเห็นว่ามันสำคัญต่อรัสเซีย”