“ดูไบ” เปิดประตูสู่ฮับคริปโต ดูดธุรกิจย้ายฐานทิ้ง “สิงคโปร์”

“ดูไบ” กำลังก้าวขึ้นเป็นฮับของอุตสาหกรรมคริปโตเคอร์เรนซีระดับโลก ด้วยการพัฒนาปรับปรุงกฎระเบียบเพื่อเอื้ออำนวยต่อการเข้ามาตั้งฐานธุรกิจและการให้บริการของบริษัทคริปโตเคอร์เรนซียักษ์ใหญ่ ขณะที่ “สิงคโปร์” กลับสูญเสียแรงดึงดูดที่มีต่อบริษัทต่าง ๆ จากการควบคุมผู้ให้บริการคริปโตเคอร์เรนซีภายในประเทศที่เข้มงวดมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ไฟแนนเชียลไทมส์รายงานว่า ผู้ให้บริการซื้อขายแลกเปลี่ยนคริปโตเคอร์เรนซีหลายราย เดินหน้าตั้งฐานธุรกิจในนครดูไบของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) หลังจากที่หลายบริษัทได้รับใบอนุญาตจากหน่วยงานกำกับดูแลสินทรัพย์เสมือน (virtual asset regulatory authority) ที่ก่อตั้งขึ้นในเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา พร้อมกับการออกกฎระเบียบอำนวยความสะดวกต่ออุตสาหกรรมดังกล่าวในดูไบ

“ชีค โมฮัมเหม็ด บิน ราชิด อัล-มักตูม” ผู้ครองนครดูไบ เปิดเผยว่า หน่วยงานกำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัลจะมีหน้าที่ดูแลการพัฒนาสภาพแวดล้อมทางธุรกิจ ขณะที่กฎระเบียบใหม่จะช่วยให้ดูไบและยูเออีกลายเป็นศูนย์กลางของภาคธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลก

“ไบแนนซ์” (Binance) ผู้ให้บริการแลกเปลี่ยนคริปโตเคอร์เรนซีรายใหญ่ที่สุดในโลก เป็นหนึ่งบริษัทที่ได้รับใบอนุญาตและเตรียมย้ายฐานธุรกิจจากสิงคโปร์ไปยังดูไบ โดย “ชางเพ็งเจา” ซีอีโอของไบแนนซ์ระบุว่า ดูไบสามารถดึงดูดบริษัทคริปโตเคอร์เรนซีได้ด้วยทัศนคติที่เปิดกว้างและเป็นมิตรต่อธุรกิจ

นอกจากนี้ยังมีผู้ให้บริการอีกหลายราย เช่น “เอฟทีเอ็กซ์ ยุโรป” (FTX Europe) บริษัทคริปโตเคอร์เรนซีสัญชาติสวิสเปิดเผยว่า เตรียมจัดตั้งสำนักงานระดับภูมิภาคที่ดูไบ เช่นเดียวกับ “คริปโตดอตคอม” (Crypto.com) ที่จะสร้างสำนักงานประจำภูมิภาคตะวันออกกลางที่ดูไบ ขณะที่ “บายบิต” (Bybit) เตรียมจะใช้ดูไบเป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่แทนสิงคโปร์

ทั้งนี้ การสูญเสียแรงดึงดูดในอุตสาหกรรมคริปโตเคอร์เรนซีของสิงคโปร์ เป็นผลมาจากกฎระเบียบและการกำกับดูแลที่ไม่เป็นมิตรกับภาคธุรกิจมากขึ้นเรื่อย ๆ

โดยก่อนหน้านี้การปราบปรามอุตสาหกรรมคริปโตเคอร์เรนซีในจีน และแนวโน้มที่เปิดกว้างของสิงคโปร์ ทำให้ธุรกิจมองว่า สิงคโปร์มีโอกาสที่จะเป็นฮับธุรกิจคริปโตเคอร์เรนซีระดับโลกได้ในไม่ช้า

แต่ต่อมาทางการสิงคโปร์เริ่มกลับมาดำเนินนโยบายที่ระมัดระวังมากขึ้น โดย “ธนาคารกลางสิงคโปร์” (เอ็มเอเอส) ได้ออกใบอนุญาตให้กับผู้ให้บริการคริปโตเคอร์เรนซีเพียง 4 ราย จากการยื่นขอทั้งหมด 176 ราย โดยอีกกว่าร้อยรายได้รับการปฏิเสธใบอนุญาตไปแล้ว เหลืออีกเพียงสิบกว่ารายที่ยังคงอยู่ระหว่างการพิจารณา

นอกจากนี้ สิงคโปร์ยังมีมาตรการควบคุมเข้มงวดมากยิ่งขึ้น อย่างการห้ามทำการตลาดหรือโฆษณาสกุลเงินดิจิทัล ต่อนักลงทุนรายย่อยในที่สาธารณะตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา และล่าสุดนิกเคอิ เอเชีย รายงานว่า เมื่อวันที่ 5 เม.ย.ที่ผ่านมา สิงคโปร์ยังออกกฎหมายห้ามไม่ให้บริษัทคริปโตเคอร์เรนซี ที่มีสำนักงานในสิงคโปร์ให้บริการในต่างประเทศโดยไม่ได้รับอนุญาต เพื่อต่อต้านการฟอกเงินหรือการจัดหาทุนสำหรับการก่อการร้าย

การออกกฎระเบียบดังกล่าวได้สร้างความยากลำบากให้กับบริษัทคริปโตที่มีฐานธุรกิจ หรือสำนักงานในสิงคโปร์ แต่ให้บริการในต่างประเทศเป็นหลัก

“เสว ไค่ เพง” ซีอีโอของโทโคคริปโต (Tokocrypto) บริษัทคริปโตเคอร์เรนซีในอินโดนีเซีย ระบุว่า “สิงคโปร์กำลังสูญเสียแรงดึงดูดใจให้กับพื้นที่ที่เปิดกว้างมากกว่าอย่างดูไบ”